Update Data Insight อาหาร ยอดฮิต เตรียมตัวเข้าสู่ปี 2025

Update Data Insight อาหาร ยอดฮิต เตรียมตัวเข้าสู่ปี 2025

สวัสดีครับเพื่อน ๆ เหล่านักอ่านทุกคน ต้องบอกเลยว่าธุรกิจร้านอาหารในปัจจุบันแข่งขันกันดุเดือดเป็นอย่างมาก ใครสร้างความแตกต่าง โดดเด่น และเป็นที่ต้องการ คนคนนั้นก็จะอยู่รอด แต่การที่จะทำได้นั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ดังนั้นการรู้ถึง Data Insight ทั้งของผู้บริโภคและคู่แข่งจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นมากในปัจจุบัน ทางเพจการตลาดวันละตอนก็ได้มีโอกาสไปแชร์ Data Insight อาหาร ในงาน Restech 2024 บอกเลยว่ามี Insight มากกว่า 30 เมนู

และถ้าใครไม่ได้ไปงานนี้ก็ไม่ต้องเสียใจไปครับ เพราะเราแจกฟรี ใครสนใจหรืออยากรู้ว่า 30 กว่าเมนูจะมีอะไรบ้าง ก็สามารถกดลิงก์ Resturant2025 แล้วกรอกแบบฟอร์มจากนั้นก็รับรีพอร์ตนี้ไปได้เลย แต่ถ้าใครแค่อยากรู้ว่ามีเมนูอะไรที่น่าสนใจเป็นพิเศษและอ่านแบบเร็ว ๆ ละก็ เราก็จะมาขอแชร์ Insight 4 เมนูอาหารยอดฮิต ซึ่งติดตามในบทความนี้ได้เลย

หมูกระทะ โคราช Is the best

เริ่มต้นที่เมนูยอดฮิตเมนูแรก ผมเชื่อว่าคงไม่มีใครที่ไม่รู้จักหมูกระทะ อาจเรียกได้ว่าเป็นเมนู Soft Power ของประเทศไทยเลยก็ว่าได้ แล้วสงสัยไหมครับว่าปกติแล้วคนไทยกินหมูกระทะกันในโอกาสแบบไหน

จากการทำ Social Listening พบว่า คนไทยส่วนใหญ่กินหมูกระทะกันตอนถูกหวย แต่ถามว่าถ้าถูกหวยกินแล้วยังจะไปกินหมูกระทะอยู่ไหมก็อีกเรื่องหนึ่ง และอันดับ 2 คือกินเมื่ออยาก ต้องบอกว่าข้อมูลที่ได้นี้ค่อนข้างจะสอดคล้องกับพฤติกรรมการกินของคนไทย เพราะปัจจุบันเราไม่ได้กินแค่ 3 มื้อ แต่เรากินกันหลายมื้อ ส่วนอันดับ 3 คือ ฉลองปีใหม่ เป็นเรื่องปกติที่เวลาเฉลิมฉลองอะไรบางอย่างมันก็ต้องมีเมนูอาหารที่จะมาสร้างความสุขนั่นเอง

ข้อมูลในส่วนนี้เหล่าผู้ประกอบการก็สามารถที่จะนำไปเป็นแนวทางการส่งเสริมการขาย เช่น การออกโปรโมชั่นต้อนรับปีใหม่มากันเป็นครอบครัวรับส่วนลดไปเลย เป็นต้น หรือแม้แต่การวาง Concept ของร้าน อย่างร้านเปิดเย็น ถึงเช้า เพื่อคนหิวที่อยากินอาหารตอนดึก เป็นต้น

และจังหวัดที่เป็นที่พูดถึงว่าเป็น The Best of หมูกระทะคือ จังหวัดโคราช หมูกระทะกินที่ไหนก็ไม่สู้เท่าโคราช ความน่าสนใจของข้อมูลนี้คือ การเชื่อมโยงหมูกระทะกับจังหวัดที่นำไปสู่สร้างแบรนด์ได้ ให้อารมณ์ประมาณว่าข้าวผัดเยาวราช แค่นึกถึงชื่อความคาดหวังว่าอร่อยก็จะพุ่งสูงขึ้น ถึงแม้ว่าร้านนั้นจะไม่ได้อยู่ที่เยาวราชก็ตาม

ข้าวแกง รสแรงอย่าบอกใคร

เมนูข้าวแกง ก็เป็นเมนูยอดฮิตที่อยู่คู่กับคนไทยมานานมาก ถึงขนาดที่บนโซเชียลก็ยังมีการพูดถึง ซึ่งประเด็นที่น่าสนใจก็จะประกอบไปด้วย

ประเภทของข้าวแกง โดยพบว่าการผัด 29% มาเป็นอันดับ 1 รองลงมา คือการต้ม 23% และการทอด 20% เป็นอันดับสาม ข้อมูลตรงนี้ผู้ประกอบการก็สามารถที่จะนำไปชั่งน้ำหนักความเหมาะสมของแต่ละเมนูว่าควรมีเมนูประเภทไหน หรือจะตัดประเภทไหนได้ ซึ่งจะช่วยในเรื่องของการประหยัดต้นทุนเพิ่มมากขึ้น

นอกจากนี้ประเภทวัตถุดิบที่เป็นเนื้อสัตว์ ก็พบว่า หมู 28% มาเป็นอันดับแรก อันดับสอง ไก่ และปลา 24% ส่วนอันดับสามคือ เนื้อวัว 13% ซึ่งวิธีการตัดสินใจก็สามารถนำไปใช้เพื่อเลือกวัตถุดิบให้เหมาะกับความต้องการของผู้บริโภคได้ ซึ่งก็จะส่งผลต่อการใช้ต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

แล้วส่วนใหญ่ราคาข้าวแกงที่คนพูดถึงราคาเท่าไหร่ ซึ่งเป็นคำถามที่เรียกได้ว่าสำคัญอย่างมาก โดยพบว่ากว่า 35% พูดถึงราคา 10-20 บาท เป็นอันดับแรก รองลงมาคือ 40-55 บาท 22% และอันดับสามเป็นบุฟเฟต์ 15% ข้อมูลนี้สามารถเป็นแนวทางในการกำหนดกลยุทธ์ราคาให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายของธุรกิจได้

ลูกชิ้น ใครยืนกินยกมือขึ้น

ถ้าไม่พูดถึงเมนูนี้ก็คงเป็นไปไม่ได้ จากกระแสลูกชิ้นยืนกินของลิซ่า ทำให้เกิดการพูดถึงเป็นอย่างมากบนโซเชียลมิเดีย แต่แพลตฟอร์มไหนจะปังสุดตามไปดูกันเลยครับ

จากข้อมูลพบว่าลูกชิ้นถูก mention มากที่สุดบน Facebook 45% และรองมาเป็น YouTube 30% ในขณะที่ถ้าเราดูจาก Engagement โดยที่ไม่นับ view จะพบว่า TikTok มาเป็นอันดับหนึ่ง 41% และรองลงมาคือ Facebook 28% ซึ่งสะท้อนว่าถ้าธุรกิจต้องการให้ลูกค้ามีส่วนร่วมเยอะ ๆ อาจจะเน้นไปที่ TikTok ในขณะที่ถ้าต้องการเน้น Awareness อาจจะเน้นไปที่ Facebook ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับรูปแบบของ Content อีกด้วย

และแน่นอนว่าถ้ามีลูกชิ้น ก็ต้องมีน้ำจิ้ม ก็ของมันต้องคู่กัน โดยจากข้อมูลพบว่า น้ำจิ้มที่มาเป็นอันดับหนึ่ง เรียกได้ว่าเข้าเส้นชัยมาพร้อมกันคือ น้ำจิ้มซีฟู้ดและน้ำจิ้มมะขาม 37% ทั้งคู่ บอกเลยว่าถ้าร้านไหนไม่มีน้ำจิ้ม 2 รสนี้ ก็อาจจะเสียลูกค้าไปเยอะเลยก็ว่าได้ นอกจากนี้ถ้าร้านไหนมั่นใจว่าสูตรร้านเรามันปังก็อาจจะเพิ่ม Product Line ใหม่ก็ได้เหมือนกัน

ก๋วยเตี๋ยวเรือ ที่มือไม่ต้องพาย

อีกหนึ่งเมนูยอดฮิตติดลมบน คนสายเส้นจะต้องกิน บอกเลยว่าแค่ก๋วยเตี๋ยวเรือก็ยังต้องพิจารณาถึงองค์ประกอบต่าง ๆ ในการเลือกกิน

โดยคนไทยให้ความสำคัญในเรื่องคุณสมบัติมาเป็นอันดับ 1 อยู่ที่ 37.2% รองลงมาเป็นประเภทของเนื้อสัตว์ 33.1% อันดับสามคือ ประเภทของเส้น 14.8% ซึ่งผู้ประกอบการก็อาจจะใช้ ดึงองค์ประกอบใดองค์ประกอบหนึ่งจากทั้งสาม มาเป็นจุดขายของร้านได้

ถ้าในเรื่องของคุณสมบัติก็อาจจะเล่นในเรื่องของน้ำซุปที่เข้มข้น ซึ่งคิดเป็น 53% และการไม่ต้องปรุงเพิ่มคือซื้อปุป กินปับ 22% ประเด็นเหล่านี้ก็สามารถมาใช้ในการออกแบบ Product และการสื่อสารการตลาด (Marketing Communication) ให้สอดคล้องกันไปได้

ส่วนของเนื้อสัตว์พบว่า หมูมาเป็นอันดับหนึ่ง 61% ซึ่งแบ่งเป็นหมูชิ้นอันดับหนึ่ง และตับหมูอันดับสอง และอีก 39% ก็คือเนื้อ ซึ่งก็แบ่งเป็น เนื้อปกติ เนื้อวากิว และโคขุน ซึ่งผู้ประกอบการก็สามารถที่จะนำข้อมูลนี้ไปออกแบบก๋วยเตี๋ยวเรือในสไตล์ของตัวเอง แต่ก้ยังตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค

สุดท้ายก็คือเส้น ซึ่งอันดับหนึ่งก็คือเส้นเล็ก 43% อันดับสองคือบะหมี่ 25% และอันดับสามเส้นใหญ่ 16% การที่เรารู้ว่าเส้นแบบไหนนิยมก็สามารถที่จะดึงเส้นนั้นมาทำเมนู Signature ของร้านได้ เพราะสามารถดึงคนได้มากและโปรโมทแบรนด์ตัวเองผ่านเมนูพิเศษก็ทำให้ร้านเป็นที่รู้จักง่ายขึ้น

ข้อมูลเหล่านี้เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้นจากทั้งหมดกว่า 30 เมนู แถม Insight Data ก็ยังมีอีกเพียบและละเอียดพอที่จะนำไปใช้ต่อยอดธุรกิจได้ เผื่อใครอ่านมาถึงตรงนี้แล้วยังไม่ได้กดดาวน์โหลด ก็สามารถคลิกที่ลิงก์ Resturant2025

นอกจากนี้ถ้าใครต้องการลงลึกแบบลึกได้อีก ก็สามารถเข้าไปที่เพจการตลาดวันละตอน แล้วคลิกคำว่า Social Listening ก็จะเจอ Data Insight เมนูอาหาร แล้วก็ยังสามารถดูที่เป็นของจังหวัดได้ด้วยนะ เพราะอาจจะมีความเกี่ยวข้องในบริบทที่เหมือนหมูกระทะกับจังหวัดโคราชก็ได้

สรุปสุดท้าย

ต้องยอมรับเลยครับว่าปัจจุบันการทำธุรกิจจะต้องอาศัยการขับเคลื่อนด้วยข้อมูล ไม่เว้นแม้แต่ธุรกิจร้านอาหารที่ก็ต้องเข้าใจ Data Insight อาหาร ว่าผู้บริดภคต้องการอะไร และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือถึงแม้ว่าจะมีข้อมูลแต่การวิเคราะห์แล้วนำไปใช้ แต่ละคนก็มีมุมมองของข้อมูลที่ต่างกัน ซึ่งมันก็ไม่ผิด เพราะการที่จะบอกได้ว่าผิดหรือถูก ก็ต้องเกิดจากการได้ลองทำ ถ้าผิดก็แค่เรียนรู้จากสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วนำไปปรับปรุง ถ้าถูกก็ต้องพัฒนาต่อไปไม่หยุดนิ่ง การทำแบบนี้แหละครับถึงจะช่วยให้ธุรกิจใช้ข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ และประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน

Panuwit Payawang

สวัสดีครับ ชื่อดิวนะครับ จะพยายามนอนให้ครบ 8 ชั่วโมง เพื่อที่จะได้เขียนบทความดี ๆ ให้กับทุกคนครับ *_*

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *