Data-Driven Loan ปรึกษา Data ก่อนกู้ ก็ลดโอกาสเจ๊ง
เคสการตลาดวันนี้เป็นเรื่อง Data-Driven ที่ธนาคารแห่งหนึ่งในรัสเซียชื่อ Sberbank ใช้ Data จากคนในพื้นที่ด้วยการเก็บข้อมูลว่าอยากให้มีร้านอะไรมาเปิด จากนั้นก็เอาข้อมูลที่ว่าไปบอกเจ้าของธุรกิจให้รู้ว่าควรขยายสาขาไปที่ไหนครับ
ในยุค Data Marketing หรือยุคที่ใช้ดาต้าเป็นตัวขับเคลื่อนการทำตลาดไปจนถึงการตัดสินใจทุกอย่าง ธนาคารขึ้นชื่อว่าเป็นขุมทรัพย์ของ Data อย่างมาก เพราะการใช้เงินทุกบาทในวันนี้ล้วนมี Data ให้ตามเก็บไปต่อยอดได้ทั้งนั้น
เช่นเดียวกันกับการลงทุนเปิดร้านทำธุรกิจที่พบว่า 2 ปีผ่านไปมีธุรกิจที่เกิดใหม่เหลือรอดอยู่แค่ 20% เท่านั้น แน่นอนว่าไม่ใช่ทั้งหมดจะไม่มีฝีมือ ซึ่งหลายครั้งการปิดตัวของธุรกิจรายย่อยหรือ SME ก็เป็นเรื่องของการอยู่ผิดที่ผิดเวลาเท่านั้นเองครับ
ก็เหมือนกับที่ธนาคาร Sberbank ที่รัสเซียเข้าใจ เลยใช้หน้าร้านที่กำลังถูกทิ้งร้างไว้เปล่าๆมาเปลี่ยนให้กลายเป็นที่เก็บ Data ด้วยการติดป้ายเชิญชวนคนละแวกนั้นให้เข้ามาบอกว่า “ที่ว่างๆตรงนี้คุณอยากให้ร้านอะไรมาเปิดล่ะ บอกมาซิเดี๋ยวเราจะไปหามาเปิดให้”
จากออฟไลน์กระตุ้นให้คนเข้าไปป้อนข้อมูลบนออนไลน์ แน่นอนว่าละแวกบ้านใครก็ต้องอยากได้ร้านที่ตัวเองอยากได้ให้มาเปิดอยู่แล้วจริงมั้ยครับ ถ้าเลือกได้แล้วทำไมจะไม่เลือก และนั่นก็ทำให้แคมเปญการตลาดง่ายๆของธนาคารแห่งนี้มีคนเข้ามาป้อน Data ให้ฟรีๆโดยไม่ต้องมีของรางวัลอะไรมาล่อมากกว่าการทำแคมเปญการตลาดทั่วไปถึง 9 เท่า
ทีนี้พอธนาคารมี data จากผู้คนละแวกนั้นมากพอแล้วทำอย่างไร? ก็เอา insight in data เหล่านั้นไปป้อนให้กับบรรดานักลงทุน เจ้าของธุรกิจ SME หรือแม้แต่คนที่กำลังจะปล่อยกู้ก็ตาม ให้ได้รู้ว่า “ละแวกนี้กำลังต้องการร้านแบบนี้อยู่ สนใจรีบมาลงทุนก่อนใครจะโฉบไปมั้ย?”
ด้วยแบนเนอร์แบบง่ายๆไม่ต้องประดิษฐ์อะไรให้ว้าว แค่เอาข้อมูลที่ใช่ไปให้กับคนที่ต้องการ ก็ทำให้ธนาคารแห่งนี้มีคนเข้ามากู้เพื่อไปลงทุนเพิ่มกว่าก่อนหน้าที่จะทำแคมเปญการตลาดนี้ถึง 3 เท่าครับ
งานนี้เรียกว่าวินกันทุกฝ่าย ตั้งแต่ผู้คนที่อาศัยอยู่ละแวกนั้นก็ได้ร้านที่ตัวเองต้องการมาเปิด ส่วนเจ้าของธุรกิจก็ได้เจอกับลูกค้าที่ต้องการ สำคัญที่สุดคือธนาคาร Sberbank ที่ปล่อยให้กู้ก็ได้ลูกค้ามากู้มากขึ้น และไม่ต้องกังวลว่าที่มากู้นั้นจะเสี่ยงเป็น 80% ที่ต้องเจ๊งไปภายใน 2 ปีแรกด้วยครับ
ทั้งหมดนี้เพราะมี Data-Driven ตั้งแต่การตัดสินใจไปถึงการเลือกทำธุรกิจ แต่ทั้งหมดนี้จะไม่เกิดขึ้นถ้าไม่เริ่มตั้งแต่การคิดว่าเราจะเก็บดาต้าได้อย่างไร เพราะผมว่าสุดท้ายแคมเปญนี้ประสบความสำเร็จได้ไม่ใช่เพราะ Data-Driven แต่เพราะ Creativity-Driven Data ครับ
ในวันที่ใครๆก็รู้ว่า Data มีค่า แต่ใครจะสามารถทำให้คนอยากป้อน Data ให้ได้ดีที่สุด แน่นอนว่า Creative ยุคใหม่จากนี้ไปต้องเข้าใจเรื่อง Data มากกว่าแค่ผิวเผินครับ
ปล. งานนี้ได้รางวัล Gold Lion ปี 2017 ในสาขา Creative Data ด้วยครับ
อ่านบทความการตลาดที่เกี่ยวกับ Data-Driven ต่อ https://www.everydaymarketing.co/tag/data-driven/
บทความนี้โพสครั้งแรกที่เพจการตลาดวันละตอนเมื่อวันที่ 30 Jun 2018
