การตลาดแฟชั่น​แบบรักษ์โลก​ เมื่อแบรนด์เสื้อติด “Resell Tag” สแกนปุ๊บ ก็ตั้งขายต่อมือสองได้ทันที

การตลาดแฟชั่น​แบบรักษ์โลก​ เมื่อแบรนด์เสื้อติด “Resell Tag” สแกนปุ๊บ ก็ตั้งขายต่อมือสองได้ทันที

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมากระแสต่อต้าน Fast Fashion นั้นเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากอุตสาหกรรมประเภทนี้ไม่ได้มีผลกระทบต่อวิกฤตสิ่งแวดล้อมในเรื่องโลกร้อนเท่านั้น แต่ Fast Fashion ยังก่อให้เกิดแรงกระทบในเรื่องของการใช้แรงงานด้วย

ด้วยเหตุผลนี้ทำให้แบรนด์แฟชั่นหลายแบรนด์หันมาหาทางออกในเรื่องของ Fast Fashion กันมากขึ้น เหมือนอย่าง Case Study ที่การตลาดวันละตอนจะพูดถึงในวันนี้ ที่ทางแบรนด์ได้ออกแคมเปญการตลาดที่แสดงออกถึงจุดยืนในการต่อต้าน Fast Fashion แบบที่เป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่าย ทั้งทางแบรนด์ คนซื้อ และคนขาย จะทำอย่างไร ไปดูกันค่ะ

Fast​ Fashion​ คืออะไร? 

Fast​ Fashion​ นั้นหมายถึงอุตสาหกรรมเสื้อผ้าแบบตามกระแสมีคุณภาพต่ำและเน้นใส่เพียงไม่กี่ครั้ง โดยใช้เวลาออกแบบในระยะสั้นๆ เป็นไปตามเทรนด์ในช่วงนั้นๆ 

ทำให้ผู้บริโภคชื่นชอบ ในความตามกระแสและราคาที่ถูกกว่าจนเกิดการซื้อบ่อยขึ้น ทำให้การผลิตก็เพิ่ม มากขึ้นตามความต้องการของผู้บริโภคนั่นเอง

ปัญหา Fast Fashion แก้ยาก แต่เลี่ยงได้

อย่างที่บอกไปว่าแฟชั่นนั้นมีปัญหาด้านภาพลักษณ์ที่ค่อนข้างร้ายแรง​ เพราะเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่ก่อมลพิษมากที่สุดในโลก ถ้าหากแบรนด์ต่างๆ ต้องการที่จะยืนหยัดในความเป็นแฟชั่นไว้​ในแบบที่รับผิดชอบต่อสังคมด้วย​ ก็คงต้องหาทางที่จะหลีกเลี่ยง​ Fast​ Fashion​ด้วยการส่งเสริมผู้บริโภค​ในแง่มุมอื่นๆ​ มากขึ้น

เพราะแฟชั่นที่แท้จริงอาจไม่ได้หมายถึงการวิ่งตามเทรนด​์ที่หวือหวาเสมอไป​ แต่อาจจะหมายถึงความโดเด่นและเป็นเอกลักษณ์​ของแบรนด์มากกว่า

เหมือนอย่างที่แบรนด​์แฟชั่นในสแกนดิเนเวีย​ที่พยายามเลี่ยง​การเกิด Fast​ Fashion​ ด้วยการทำแคมเปญ​ส่งเสริม​การตลาดด้วยการสร้าง​ป้าย​ QR​ เพื่อให้ผู้บริโภค​สามารถ​ส่งต่อเสื้อผ้ามือสองได้ง่ายขึ้น

ใช้​ QR​ Code สร้างโฆษณาอัตโนมัติ​เพื่อส่งเสริมการส่งต่อแฟชั่นแบบหมุนเวียน

เมื่อผู้บริโภค​สแกนตัว​ QR​ ที่มากับป้ายเสื้อผ้าชิ้นนั้นๆ​ แล้วจะแสดงข้อมูลส่วนต่างๆ ของสินค้า เช่น สี รุ่น ผ้า และขนาด ทำให้การขายต่อเสื้อผ้าแต่ละรายการง่ายขึ้น

ที่เก๋ไปกว่านั้นคือ​ เมื่อสแกนรหัส QR จะสร้างโฆษณาสำหรับเสื้อผ้าบน Instagram และ Facebook Marketplace โดยจะกรอกรายละเอียดผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดโดยอัตโนมัติ​ ส่วนที่คนขายต้องทำก็แค่ใส่ราคาที่ต้องการเข้าไปแค่นั้นเอง​ 

นอกจากนี้แต่ละแท็กจะมีงบประมาณสำหรับสื่อขนาดเล็กแนบมาด้วย​ โดยผู้ขาย​สามารถ​สร้างและเผยแพร่แคมเปญเพื่อโปรโมตไปยังกลุ่ม​เป้าหมาย​ได้เลยด้วย

สร้างประสบการณ์​แฟชั่นรูปแบบใหม่ให้ผู้บริโภค​

แคมเปญ​การตลาดนี้นับว่าถือเป็นการส่งเสริมเทรนด์​แฟชั่นที่ยั่งยืน​ ที่ไม่เพียงแต่ช่วยตัดวงจรของ​ Fast​ Fashion​ ได้เท่านั้น​ แต่ยังเป็นการอำนวยความสะดวกและสร้างประสบการณ์​ใหม่ๆ​ ให้ผู้บริโภคด้วยการ​ยกระดับการขายเสื้อผ้ามือสอง

ตัว​ QR​ ที่แนบมากับ​ Tag​ นั้นช่วยให้ผู้บริโภค​มั่นใจได้ถึงประสบการณ์การส่งต่อเสื้อผ้าที่สะดวกและราบรื่น โดยขจัดปัญหาสำคัญของกระบวนการ ถ่ายภาพสินค้า เพิ่มรายละเอียดผลิตภัณฑ์ ไปที่ร้านค้าปลีก หรือตัดสินใจเรื่องราคา ด้วยการรวมทุกอย่างนี้ไว้ภายใน​ Tag​ เดียว​ 

สำหรับแบรนด์​แฟชั่นแบรนด์ไหนสนใจจะเอาวิธีนี้ไปประยุกต์​ใช้กับแบรนด์​ตัวเองก็นับเป็นวิธีที่น่าสนใจไม่น้อยเลยนะคะ​ เพราะวิธีนี้นอกจากจะเป็นกลยุทธ์​การตลาดที่ใช้ต้นทุนไม่มากแล้ว​ ยังเป็นกลยุทธ์​ที่ช่วยสร้างจุดยืนของแบรนด์​ รวมถึงช่วยสร้างภาพลักษณ์​แบรนด์​ไปได้ในตัว​ 

ในขณะเดียวกัน​ยังช่วยลดมลพิษที่เกิดจากอุตสาหกรรมแฟชั่น ลดทรัพยากรที่จะต้องใช้ผลิตเสื้อผ้า และยืดอายุการใช้งานเสื้อผ้าให้นานมากขึ้น

อีกทั้งทำให้ผู้บริโภค​รู้สึกมั่นใจได้ว่าเมื่อซื้อสินค้าแฟชั่นของเราไปแล้ว​ ก็จะสามารถส่งต่อได้ไม่ยากอีกด้วย​ เรียกได้ว่าเป็นวิธีที่ง่ายมากและดีต่อโลกด้วยค่ะ

ส่วนใครที่อยากเรียนรู้เกี่ยวกับกลยุทธ์การทำตลาดในรูปแบบอื่นๆ แบมแนะนำให้ไปอ่านเพิ่มเติมได้ ที่นี่ เลยค่ะ

ในบทความหน้าแบมจะมีอะไรมาอัปเดตอีกบ้าง สามารถติดตามได้ผ่านเพจการตลาดวันละตอน รวมถึง Twitter และ Blockdit ของการตลาดวันละตอนนะคะ

Bambinun*

Content Creator แห่งการตลาดวันละตอน ที่หลงรักการเล่าเรื่องผ่านตัวหนังสือ พอๆ กับการกินของอร่อย และใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการเป็นทาสแมว

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

คุณคิดว่าปัญหา PM 2.5 ที่เชียงใหม่วิกฤตหรือยัง ?

#การตลาดวันละโพล ขอหนึ่งคำถามก่อนอ่านการตลาดวันละตอน แล้วเราจะเอาไปทำเป็น Infographic โชว์หน้าเพจให้รู้ด้วยกัน