Fashion Campaign กับแบรนด์เสื้อผ้าแฟชั่น ที่คิดเผื่อลูกค้าและสิ่งแวดล้อม

Fashion Campaign กับแบรนด์เสื้อผ้าแฟชั่น ที่คิดเผื่อลูกค้าและสิ่งแวดล้อม

บางครั้งการทำการตลาดอาจไม่จำเป็นจะต้องพยายามหา WOW factor อะไรที่หวือหวามากมายก็ได้นะครับ แคมเปญการตลาดสามารถเป็นความเรียบง่าย แต่มีความแข็งแรงในเรื่องที่ต้องการจะสื่อสารก็ได้ นั่นก็เพียงพอที่จะสร้างความสนใจให้กับแบรนด์ของเราได้แล้วครับ ที่ผมกล้าบอกกับทุกคนแบบนี้ เพราะมีโอกาสได้เจอแคมเปญหนึ่งที่เรียกได้ว่าเป็น Fashion Campaign Study ที่น่าสนใจมากๆ ครับ

วันนี้ผมจะมาเล่าแคมเปญที่ชื่อว่า Resell Tags ของแบรนด์ Samsøe Samsøe (อ่านว่า แซมโซ แซมโซ่) แบรนด์เสื้อผ้า สไตล์สแกดิเนเวียน ในประเทศเดนมาร์กกันครับ

Samsøe Samsøe store
Cr.abobomagazine

Fashion Campaign : Resell Tags

fast fashion growth rate 2012-2020
Cr.herbones

เป็นที่รู้กันดีว่า สินค้าแฟชั่นโดยเฉพาะเสื้อผ้า เป็นตลาดที่มีอุตสาหกรรมการผลิตที่ใหญ่มากๆ โดยในแต่ละปีมีการผลิตเสื้อผ้าราว 150,000 ล้านชิ้นและมีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากในตลาดมีความต้องการบริโภคอยู่เรื่อยๆ จนนำไปสู่ การบริโภคที่ล้นเกิน (Overconsumtion) ที่ผู้บริโภคซื้อมากกว่าความจำเป็นที่จะต้องใช้

Cr.eubusinessnews

จากข้อมูลที่ผมได้รวบรวมมาพบว่า นักช๊อปราว 33% มักจะใส่เสื้อผ้าเพียง 3-7 ครั้งเท่านั้น หลังจากนั้นก็จะไม่ได้จับเสื้อผ้าชิ้นนั้นอีกเลย แล้วนักช๊อปเหล่านั้นก็จะซื้อเสื้อผ้าใหม่มาเรื่อยๆ สุดท้ายแล้วเสื้อผ้าชิ้นนั้นก็จะถูกทับถมลงไปเรื่อยๆจนอยู่ใต้สุดของตู้เสื้อผ้า

ประเด็นนี้อาจจะดูเล็กน้อยเมื่อมองในระดับบุคคล แต่หากเราลองมองในภาพใหญ่แล้ว พฤติกรรมในเชิงนี้อาจเป็นการสนับสนุนการผลิตสินค้าเสื้อผ้าที่มักจะเป็นประเภท Fast Fashion ที่กำลังทำลายสิ่งแวดล้อมอยู่ เพราะเมื่อมีความต้องการซื้อใหม่อยู่เรื่อย ๆ การผลิตก็จะมีการผลิตตามไปเรื่อย ๆ

ลองคิดดูเล่น ๆ ก็ได้ครับว่าจากเสื้อผ้า 150,000 ล้านชิ้น แต่ละชิ้นถูกใส่เพียงแค่ 3-7 ครั้งแล้วทิ้งไป แต่การผลิตสินค้าก็ยังคงผลิตใหม่และเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ สินค้าที่ยังคงเหลืออยู่และสินค้าที่ผลิตมาก่อน ท้ายที่สุดแล้ว เสื้อผ้าเหล่านี้จะไปอยู่ตรงไหน

จากผลงานวิจัยพบว่ากว่า 50% ของเสื้อผ้าที่ถูกผลิตขึ้นนั้นถูกทิ้งกลายเป็นขยะครับ เป็นของเสียที่ถูกโยนทิ้งเปล่า ราว 10 ล้านตันต่อปีเลยทีเดียวครับ

จริง ๆ อุตสาหกรรมการผลิตเสื้อผ้าสร้างผลกระทบและมีปัญหาอีกหลากหลายด้านเลยครับ ตั้งแต่กระบวนการผลิต ไปจนถึงกระบวนการทำลายทิ้ง ทั้งยังมีแนวโน้มจะส่งผลกระทบให้กับสิ่งแวดล้อมและโลกของเราสูงขึ้นเรื่อย ๆ อีกด้วย

Cr.herbones
Cr.herbones

และสิ่งเหล่านี้เองก็เป็นจุดที่แบรนด์ Samsøe Samsøe มองเห็น และมีความพยายามเท่าที่จะทำได้ในการมาส่วนช่วยให้ปัญหาเหล่านี้ลดลง

ณ ช่วงเวลาที่แบรนด์กำลังจะออกคอลเลกชั่นใหม่พอดี แบรนด์ได้นำแนวความคิดที่ต้องการช่วยสิ่งแวดล้อมมาร่วมในการทำแคมเปญเพื่อโฆษณาสินค้าด้วย ด้วยการพยายามที่จะควบคุมการผลิตสินค้าและการขายสินค้าที่จะมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด

เกิดเป็นไอเดียแคมเปญที่น่าสนใจมาก ๆ ชื่อว่า Resell Tags

ชื่อของแคมเปญก็บอกชัดเจนเลยใช่มั้ยครับว่า จุดประสงค์ของแคมเปญนี้ก็คือ การ Resell นั่นเอง แต่ที่น่าสนใจยิ่งกว่านั้นไม่ใช่แค่ชื่อแต่คือวิธีการ Resell ของแคมเปญนี้ต่างหากครับ

resell tag campaign
Cr.abobomagazine

บนเสื้อผ้าทุกชิ้นในคอลเลกชั่นใหม่ที่แบรนด์กำลังจะปล่อยนี้ จะมี Tag ที่สามารถสแกน QR Code ได้แปะอยู่ ซึ่ง เมื่อเราได้สแกน QR Code นั้น Url Landing page จะพาคุณไปสู่แอพพลิเคชั่น หรือ Website ของ Facebook และสร้างโพสต์ โพสต์หนึ่งขึ้นมาให้คุณ

ความเจ๋งอีกอย่างที่เราจะได้เจอ คือ Caption บนโพสต์นัั้นจะมีการ Auto-Generate หรือ เขียนข้อมูลของเสื้อผ้าชิ้นนั้นขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นลักษณะเนื้อผ้า สี ขนาด รวมไปถึงราคาสำหรับการ Resell ที่เหมาะสม ให้เราเอง รวมไปถึงข้อความจะเป็นแนวทางของคอนเทนต์โพสต์สำหรับการ Resell สินค้าชิ้นนั้น ตามตัวอย่างภาพด้านล่างครับ

หลังจากนั้นเราสามารถกด Approve เพื่อให้โพสต์นั้นมีการยิงแอดโฆษณาไปยังลูกค้าคนอื่นๆที่มีความต้องการในสินค้าชิ้นนั้นอยู่ตาม Algorithm ของการทำโฆษณาบน Facebook ที่แบรนด์ได้ตั้งค่าไว้

ตรงจุดนี้ในความเข้าใจของผมคิดว่า แอดตัวนี้จะออกไปภายในนามและค่าโฆษณาของตัวแบรนด์เองครับ ถือเป็นแคมเปญที่ทั้งคิด ลงทุน และลงมือทำเพื่อโลกและสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจังเลยครับ แถมยังมี Creative Execution ในการ Resell ที่ใช้ Digital Tools ได้อย่างดีอีกด้วย

บทวิเคราะห์

ผมมองว่าเป็นแคมเปญนี้ เป็นกลยุทธ์และไอเดียที่ค่อนข้างดีทีเดียวครับ ทั้งในมุมของการรักษาสิ่งแวดล้อมในอุตสาหกรรมเสื้อผ้าแฟชั่นและในมุมของธุรกิจและการตลาด

ในมุมของการรักษาสิ่งแวดล้อมนั้น ผมคิดว่าการที่แบรนด์เริ่มมีความตระหนักในส่วนนี้ และขอมีส่วนช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมเท่าที่แบรนด์จะทำได้ นับเป็นจุดประกายที่จะช่วยสร้างโอกาสที่แบรนด์อื่น ๆ จะเดินรอยตาม ที่อาจนำไปสู่การผนึกกำลังของแบรนด์ ที่จะช่วยกันลดมลภาวะที่ทำลายสิ่งแวดล้อมจากการผลิตเสื้อผ้าแฟชั่นลงได้ ไม่มากก็น้อยครับ

แม้ส่วนตัวผมจะรู้สึกว่า จริง ๆ แล้วเทรนด์ในการซื้อเสื้อผ้ามือสอง มันก็มีมานานแล้วครับ เพียงแต่ว่ามันไม่แมสสำหรับคนทั่วไปเท่านั้นเองเพราะคนยังมีความเชื่อค่อนข้างหลากหลายเกี่ยวกับการสวมเสื้อผ้ามือสอง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความไม่สบายใจก็ดี หรือ เรื่องของความเชื่อมั่นในคุณภาพของเสื้อผ้าที่จะได้ก็ดี

แต่พอมาคิดดูอีกที การพูดถึงการซื้อสินค้ามือสอง หรือ Resell ในระดับของแบรนด์ จะช่วยเปิดมุมมองและ Perception ใหม่ให้กับผู้บริโภคให้หันมาใช้สินค้ามือสองได้อย่างมั่นใจมากยิ่งขึ้น

เพราะโดยปกติแล้วกระแสหรือแนวคิดการซื้อสินค้ามือสองมักจะออกมาจากปากของผู้บริโภคสู่ผู้บริโภคด้วยกันเอง จึงไม่สามารถผลักดันกระแสการบริโภคในรูปแบบนี้ ให้คนที่ไม่สนใจในการใช้สินค้ามือสองได้อย่างน่าเชื่อถือในวงกว้าง

การที่แบรนด์ออกมาพูดเองแบบนี้อาจทำให้เกิดพฤติกรรมบางอย่างในหมู่ผู้บริโภคด้วยเช่นกันครับ ที่อาจจะช่วยเปิดมุมมองใหม่ในการบริโภคมากยิ่งขึ้น นำไปสู่การลดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากอุตสาหรรมการผลิตเสื้อผ้าได้ครับ

(ในส่วนนี้ผมมองว่าแล้วแต่ความสบายใจของแต่ละบุคคลนะครับ ไม่มีผิดไม่มีถูกครับ)

Samsøe Samsøe  webisite

และในส่วนของธุรกิจของการตลาดนั้น จริงๆแล้วราคาสินค้าของแบรนด์แล้วจัดว่าอยู่ใน Middle-Segment ที่จริงๆแล้วก็ไม่ได้จับต้องได้ยากเท่าไรครับ ไม่ได้มี Limited Edition หรือโอกาสที่สินค้าจะมีมูลค่าสูงขึ้นสำหรับการเก็งกำไรเพื่อ Resell ต่อแต่อย่างใด

แต่จากมุมมองในด้านสิ่งแวดล้อมที่ผมได้กล่าวไป ในเรื่องจุดยืนและภาพลักษณ์ของแบรนด์ ในมุมมองของผู้บริโภค โดยเฉพาะในยุคนี้ที่เริ่มมีการตระหนักรู้และการพยายามรณรงค์ให้ช่วยกันรักษาสิ่งแวดล้อมอยู่ด้วย

ยิ่งเฉพาะในกลุ่มของ Gen Z ที่เป็น Generation ที่ให้ความใส่ใจกับเรื่องรอบตัวค่อนข้างมาก กลยุทธ์นี้ถือว่าเป็นกลยุทธ์ที่สร้างคุณค่าให้กับแบรนด์ได้อย่างดีเลยครับ

นอกเหนือจากในเรื่องของภาพลักษณ์แบรนด์แล้ว ก็ยังมี Impact ที่เกิดขึ้นเป็นโดมิโนตามมาอีกด้วยครับ คือ

1.กลยุทธ์นี้ช่วยส่งเสริมให้ลูกค้าสามารถตัดสินใจซื้อสินค้าได้ง่ายขึ้น เพราะว่าลูกค้าเห็นช่องทางในการปล่อยสินค้าต่อเมื่อรู้สึกว่าเริ่มใส่ซ้ำหรือไม่อยากใส่แล้ว ก็สามารถส่งต่อให้กับคนอื่นๆได้ โดยที่ก็จะได้เงินกลับมาเพื่อเอาไปซื้อเสื้อผ้าใหม่ๆต่อ

2.กลยุทธ์นี้ทำหน้าที่สร้าง Brand Awareness แบบ Organic จากลูกค้าสู่ลูกค้าได้โดยตรง เพราะการลูกค้านำสินค้าไป Resell เพื่อส่งต่อให้กับลูกค้าคนอื่นๆ สามารถกระจายสินค้าไปยังผู้บริโภคใน Segment เดียวกัน หรือ Segment รองลงมาที่อาจไม่มีทุนทรัพย์พอจะซื้อสินค้าราคาเต็ม มีโอกาสได้สัมผัสสินค้าและได้รู้จักแบรนด์ไปด้วย

เรียกได้ว่า แบรนด์สามารถขยายฐานลูกค้าแบบ Organic ได้ด้วยระบบที่แบรนด์เป็นคนสร้างขึ้นมา โดยที่แบรนด์ไม่ต้องทำอะไรเลยนั่นเองครับ

บทสรุป

แคมเปญนี้สร้าง WOW Factor ที่ไม่หวือหวา แต่เรียบง่าย และมีความยั่งยืน ที่สร้างประโยชน์ให้กับแบรนด์ได้อย่างดีเลยครับ เป็นแคมเปญที่ทั้งสร้างความน่าสนใจ และสร้างคุณค่าที่ส่งผลต่อความมั่นคงที่จะเชื่อมโยงกับผู้บริโภคให้มีความผูกพันกับแบรนด์มากยิ่งขึ้นด้วยในเวลาเดียวกัน

แล้วก็หวังว่าจะมีโอกาสได้เห็นแบรนด์ในบ้านเรามีแคมเปญอะไรประมาณนี้เหมือนกัน น่าจะได้รับความสนใจไม่น้อยเลยล่ะครับ

จริง ๆ แล้วทุกคนสามารถเอาไปปรับใช้ได้ในทุกธุรกิจเลยครับ ที่แม้ว่าเราจะทำสินค้าของเราให้มีคุณค่าและมีมูลค่ามากขึ้นแล้ว นอกเหนือจากนั้น การให้คุณค่ากับสิ่งรอบข้าง โดยเฉพาะลูกค้าและสิ่งที่มีผลต่อคุณภาพชีวิตของลูกค้า อย่างสิ่งแวดล้อมบนโลกของเรา ก็ช่วยส่งเสริมให้แบรนด์ของคุณถูกให้คุณค่ากลับจากลูกค้าด้วย

เพราะแบรนด์ที่ใส่ใจและอยากให้ชีวิตของลูกค้าที่ขึ้นนั้น จะได้รับการสนับสนุนจากลูกค้าเสมอครับ

ขอบคุณที่อ่านจนจบครับ 🙂

อ่านบทความเกี่ยวกับการตลาดวันละตอนได้ที่ คลิก

Ref.
https://www.adobomagazine.com/campaign-spotlight/campaign-spotlight-samsoe-samsoe-launches-resell-tag-to-extend-use-of-its-clothing-created-by-uncle-grey/
https://herbones.com/fast-fashion-statistics/

Watcharapon Kittipodpong

ลงมือเขียนเพื่อทบทวน และเข้าใจตัวเอง คนที่สนใจ Marketing คนหนึ่งที่อยากส่งต่อเหมือนที่ได้รับมา หวังว่าสิ่งที่เขียนจะมีประโยชน์กับคนอ่านทุกคนนะครับ :)

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

ใช้ Social Listening บ้างไม่ ?

#การตลาดวันละโพล ขอหนึ่งคำถาม ว่าปกติใช้ Social Listening บ้างหรือไม่ แล้วถ้าใช้ ใช้ตัวไหนอยู่