Emotional Marketing บอกรักผ่านป้ายซัก Care Label จาก Gu Fashion

Emotional Marketing บอกรักผ่านป้ายซัก Care Label จาก Gu Fashion

แคมเปญการตลาดแบบ Emotional Marketing ที่จะเล่าให้ฟังต่อจากนี้ เป็นแคมเปญการตลาดที่สร้าง New Value Propositioning ใหม่ให้กับแบรนด์ Fast Fashion อย่าง GU Fashion กับการให้คนเลือกบอกความรู้สึกห่วงใยผ่านป้ายบอกวิธีซัก ให้กลายเป็นป้ายบอกความรักความห่วงใยกับแคมเปญที่มีชื่อว่า Care Label ที่แอบมีความ Personalized Marketing ครับ

Seasonal Marketing Campaign เทศกาลตรุษจีนที่ทุกแบรนด์ต่างมีแคมเปญเรียกลูกค้า

อย่างที่รู้กันนะครับว่าในช่วงเทศกาลสำคัญใดๆ ก็ตามทุกแบรนด์ต่างไม่เคยปล่อยผ่าน ต่างเข้ามาทำแคมเปญการตลาดเพื่อเรียกความสนใจจากลูกค้า เพราะทุกคนต่างหวังว่าเงินที่ลูกค้าจะต้องใช้อยู่แล้วในช่วงเวลานั้น จะไหลมาเข้ากระเป๋าเรามากกว่ากระเป๋าคู่แข่ง และเทศกาลตรุษจีนก็เหมือนกัน เป็นอีกหนึ่งเทศกาลสำคัญระดับโลกที่คนจีนที่ออกมาทำงานตามเมืองหลวง ต่างต้องอยากจะเดินทางกลับบ้านไปหาครอบครัว แน่นอนว่าการจะกลับบ้านแต่ละทีนั้นจะกลับไปมือเปล่าไม่ได้ ย่อมต้องหาอะไรติดไม้ติดมือกลับไปฝากคนที่บ้านเพื่อแสดงออกว่ารักนะด้วยการแสดงออกผ่านของขวัญปีใหม่จีน

และนั่นก็ทำให้บรรดาแบรนด์ต่างๆ พยายามทำโปรโมชั่นลดแลกแจกแถมเพื่อเรียกคนให้เข้ามาใช้เงินกับพวกเขา จึงกลายเป็นเทศกาลลดราคากระหน่ำมากมาย บ้างก็ซื้อชิ้นที่สองลดครึ่งราคา หรือไม่ก็ลดจัดหนักแบบซื้อหนึ่งแถมหนึ่งซึ่งก็มีให้เห็นถมเถไป

ซึ่งผมจะบอกว่าการตลาดแบบนั้นล้วนเป็นการทำลายคุณค่าของแบรนด์ที่นักการตลาดพยายามสร้างมาทั้งนั้น เพราะสมมติว่าคุณสร้างภาพมานานว่าเป็นแบรนด์ที่เน้นเรื่องไลฟ์สไตล์ เน้นความทันสมัย เน้นแฟชั่น แต่กลับลดแลกแจกแถมแบบเอาของมาวางกองเป็นภูเขาหน้าร้าน ลองคิดดูซิครับว่าคนที่เคยซื้อของเดียวกันในราคาเต็มจะรู้สึกอย่างไร แน่นอนว่าถ้าเป็นผมๆ จะบอกกับตัวเองว่าผมจะไม่มีทางซื้อราคาเต็มกับแบรนด์นี้อีกเด็ดขาด ในเมื่อเห็นอยู่ประจำว่าเดี๋ยวถึงเทศกาลก็ลดราคาหนักมาก แล้วเรื่องอะไรเราจะยอมเป็นคนโง่ในสายตาคนอื่นที่จ่ายเต็มอยู่คนเดียวหละ

ดังนั้นถ้านักการตลาดคนไหนคิดจะทำแคมเปญการตลาดแบบลดราคาเพราะหวังว่าจะได้รับความสนใจจากลูกค้าหรือกลุ่มเป้าหมาย บอกได้เลยว่าคุณกำลังทำลายคำว่าแบรนด์ที่อุตส่าห์ทุ่มทุนลงไปมากมาย ให้ไร้ค่าไร้ความหมายเพื่อแลกกับยอดขายแค่ไม่กี่วันครับ

คำถามสำคัญคือ เราจะทำอย่างไรให้กลุ่มเป้าหมายหันมาสนใจโดยที่เราไม่ต้องลดราคา?

ทำการตลาดแบบเพิ่มคุณค่าขึ้นมาในใจ

แคมเปญการตลาดแบบ Personalization จาก GU Fashion กับ Care Label ให้คนบอกรักผ่านป้ายซักในช่วงเทศกาลตรุษจีน สร้างคุณค่าให้คนอยากซื้อโดยไม่ลดราคา

เพราะการตลาดคือการทำให้คนอยากได้มากกว่าที่เราอยากขาย การลดราคาเป็นแค่เสี้ยวหนึ่งของการทำให้คนอยากได้(เพราะถูก) ซึ่งเป็นวิธีที่ไม่ต้องใช้ความรู้หรือทักษะใดๆ แค่กล้าเฉือนกำไรออกไปหรือแม้แต่ยอมขายทุนสักหน่อยก็สามารถทำให้คนอยากได้ผ่านการลดราคาได้แล้ว

แต่นักการตลาดที่ฉลาดต้องรู้สึกสร้างคุณค่าเพิ่มขึ้นมาในใจ ทำให้คนรู้สึกว่าการจ่ายราคาที่สูงกว่าหรือจ่ายเต็มราคานั้นไม่ใช่สิ่งที่แพงแต่อย่างไร แต่เป็นสิ่งที่คุ้มค่ากับเงินทุกบาทที่จ่ายไปเมื่อเทียบกับสิ่งที่จะได้รับกลับคืนมา

ทาง GU Fashion ซึ่งเป็นแบรนด์ในเครือของ Uniqlo ก็เลยคิดใหม่ทำใหม่ด้วยการไม่ทำแคมเปญการตลาดที่เน้นลดแลกแจกแถมแบบแบรนด์อื่นๆ ในช่วงเทศกาลตรุษจีนแต่อย่างไร แต่พวกเขาเลือกที่จะสร้างคุณค่าใหม่ด้วยการเข้าใจ Consumer Insight ในช่วงเทศกาลตรุษจีนว่าคนหนุ่มสาวที่ทำงานในเมืองต่างต้องกลับบ้านไปหาครอบครัวคนรัก ดังนั้นหนึ่งปีเจอกันทีก็ต้องเลือกของขวัญที่ดูมีค่าในความรู้สึก แต่อาจจะไม่ได้ต้องจ่ายในราคาสูงมากแต่อย่างไรครับ

สิ่งที่ GU Fashion ทำก็ง่ายมาก ด้วยการมองเห็นว่าสิ่งที่ทุกคนต้องสนใจเมื่อได้รับเสื้อผ้าใหม่นั่นก็คือป้ายบอกวิธีการซักอย่างไรให้ไม่พัง และจากจุดนั้นเองก็เลยเป็นการสร้างคุณค่าใหม่ขึ้นมา

Care Label จาก Gu Fashion บอกรักผ่านป้ายซักแบบ Personalization

แคมเปญการตลาดแบบ Personalization จาก GU Fashion กับ Care Label ให้คนบอกรักผ่านป้ายซักในช่วงเทศกาลตรุษจีน สร้างคุณค่าให้คนอยากซื้อโดยไม่ลดราคา
แคมเปญการตลาดแบบ Personalization จาก GU Fashion กับ Care Label ให้คนบอกรักผ่านป้ายซักในช่วงเทศกาลตรุษจีน สร้างคุณค่าให้คนอยากซื้อโดยไม่ลดราคา
แคมเปญการตลาดแบบ Personalization จาก GU Fashion กับ Care Label ให้คนบอกรักผ่านป้ายซักในช่วงเทศกาลตรุษจีน สร้างคุณค่าให้คนอยากซื้อโดยไม่ลดราคา

แบรนด์ Fast Fashion อย่าง GU Fashion เลยเอาป้ายซักที่ต้องมีอยู่กับเสื้อผ้าทุกชิ้นมาเป็นชุดเล่นในการสร้างคุณค่าเพิ่มขึ้นมาในช่วงเทศกาลวันตรุษจีน ด้วยการเปิดโอกาสให้บรรดากลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่ที่เข้ามาทำงานในเมืองหลวง แต่อาจจะมีงบไม่เยอะในการจะซื้อของขวัญปีใหม่กลับไปฝากคนที่บ้าน สามารถซื้อเสื้อผ้าในร้าน GU กลับไปฝากทุกคนในบ้านได้ในราคาสบายกระเป๋า แต่ที่สำคัญคือการสามารถบอกความรู้สึกรักและผูกพันธ์แบบ Personalization ออกไปโดยไม่ซ้ำใครด้วยครับ

เช่น ถ้าคุณรู้สึกว่าอยากจะบอกว่าคิดถึงเสมอกับพ่อแม่ที่นานทีจะเจอกันสักปีละครั้ง ก็สามารถเลือกสัญลักษณ์ดังกล่าวใส่เข้าไป แล้วก็ผสมกับสัญลักษณ์อื่นด้วยเช่น Worry Less หรือไม่ต้องห่วงนะ จะเป็นลูกที่ดีตั้งใจทำมาหากินแล้วส่งเงินกลับมาดูแลพ่อแม่

หรือพ่อแม่อาจจะซื้อกลับไปฝากลูกวัยรุ่นที่ต่างจังหวัด ก็อาจจะสั่งทำป้าย Care Label แบบ Personalization ด้วยการบอกว่า รักแท้กำลังจะมา สำหรับคนที่ลูกวัยรุ่นกำลังว้าวุ่นเรื่องความรัก แล้วก็อาจจะแนบไปกับข้อความห่วงใยที่ว่า Eat on time กินข้าวตรงเวลาบ้างนะ ไม่ใช่เอาแต่เล่นเกมไม่ออกจากบ้าน แล้วก็ใส่สัญลักษณ์อย่าง Keep Exploring แทนการบอกให้ออกนอกจอไปเที่ยวสำรวจโลกรู้จักชีวิตบ้าง เป็นอย่างไรครับกับการทำ Personalized Marketing แบบ Non-digital 100%

จากแคมเปญการตลาดที่เปิดโอกาสให้บอกรักผ่านป้ายซักเสื้อผ้า ส่งผลให้หนุ่มสาวคนทำงานมากมายในเมืองหลวงที่ต้องจากบ้านมา ต่างรู้สึกว่าร้าน GU Fashion นี้แหละที่ตอบโจทย์ในใจที่อยากพูด บวกกับตอบโจทย์เงินในกระเป๋าที่ยังไม่พร้อมซื้อของฝากแพงๆ กลับไปฝากคนที่บ้านในวันนี้

แล้วพอวิเคราะห์ให้ลึกลงอีกหน่อยก็พบว่า ไม่ใช่แค่กลุ่มหนุ่มสาวยุคใหม่คนทำงานในเมืองเท่านั้นที่ GU Fashion จะได้ใจและได้เงินไป แต่ยังได้ไปถึงกลุ่มคนรุ่นใหญ่ไม่ว่าจะ Gen X ตอนปลายหรือ Baby Boomer ที่อยู่ที่บ้านต่างจังหวัด เป็นการทำให้พวกเขาได้รู้จักแบรนด์เสื้อผ้าใหม่ๆ ซึ่งคนกลุ่มนี้เป็นอะไรที่ใช้เงินกับสินค้าประเภทเสื้อผ้าแฟชั่นน้อยมาก แล้วพอ Gu Fashion ออก Care Label ออกมาก็น่าจะเป็นตัวกระตุ้นให้พวกเขาเองก็อยากจะซื้อเสื้อผ้าในร้านคืนกลับให้ลูกที่อยู่ในเมืองด้วยเช่นกัน

สรุปแคมเปญการตลาด Care Label ของ Gu Fashion

แคมเปญการตลาดแบบ Personalization จาก GU Fashion กับ Care Label ให้คนบอกรักผ่านป้ายซักในช่วงเทศกาลตรุษจีน สร้างคุณค่าให้คนอยากซื้อโดยไม่ลดราคา

เมื่อ Emotional Marketing แคมเปญนี้สามารถเพิ่มคุณค่าในใจของผู้บริโภคและกลุ่มเป้าหมายได้จริง ก็ส่งผลให้ยอดขายเพิ่มขึ้นกว่า 138% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาก่อนหน้า และก็เพิ่มจำนวนลูกค้าที่เข้ามาในร้านถึง 114% ยังไม่ต้องพูดถึงอีกว่าแคมเปญนี้กลายเป็นที่พูดถึงมากมายบนสื่อทั่วประเทศจนทำให้ได้ฟรีมีเดียส่งผลไปสู่ยอดขายที่ร้านได้อีกนับไม่ถ้วน

เห็นไหมครับว่าวิธีการเพิ่มยอดขายมีมากมายและที่สำคัญคือเราไม่จำเป็นต้องลดแลกแจกแถมเพื่อให้ลูกค้าอยากเดินเข้ามา สิ่งที่นักการตลาดฉลาดๆ ต้องทำก็คือการพยายามคิดมองหาว่า อะไรนะคือสิ่งที่ผู้บริโภคต้องการจากช่วงเทศกาลดังกล่าวกันแน่

เหมือนที่ GU Fashion สามารถมองเห็น Consumer Insight ว่าเพราะผู้คนต้องการซื้อของแทนความรู้สึกไปให้ชดเชยกับช่วงเวลา 1 ปีที่จะไม่ได้อยู่ด้วยกัน แต่จะเป็นของแบบไหนที่สามารถส่งความรู้สึกดังกล่าวได้ดี โดยที่ราคาไม่ต้องแพงมากเพราะราคาการใช้ชีวิตในเมืองทุกวันนี้ก็สูงเสียเหลือเกิน

ในเทศกาลสงกรานต์ที่จะมาถึงของบ้านเราก็จะคล้ายๆ ตรุษจีนที่ประเทศจีนอยู่เหมือนกัน แบรนด์คุณหาทางสร้างคุณค่าในใจผู้บริโภคเพิ่มขึ้นแทนการลดราคาแล้วหรือยัง ถ้ายังผมคิดว่าคุณต้องรีบทำแล้วครับ เพราะผมไม่อยากให้คุณลดราคาเพื่อเรียกลูกค้าให้เข้าร้านเหมือนทุกปีอีกต่อไป

อ่านแคมเปญการตลาดที่เล่นกับช่วงเทศกาลสำคัญในการตลาดวันละตอนต่อ >

Source: http://www.beijing-dentsu.com.cn/en/post_376.html

Nattapon Muangtum

เจ้าของเพจการตลาดวันละตอน / อาจารย์พิเศษวิชา Data-Driven Communication / เขียนหนังสือมาแล้ว 5 เล่ม Personalized Marketing, Data-Driven Marketing, Data Thinking, Contextual Marketing และ Social Listening / ที่ปรึกษา Data-Driven Advisor

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

ใช้ Social Listening บ้างไม่ ?

#การตลาดวันละโพล ขอหนึ่งคำถาม ว่าปกติใช้ Social Listening บ้างหรือไม่ แล้วถ้าใช้ ใช้ตัวไหนอยู่