รีวิวหุ่นยนต์ดูดฝุ่น IoT ของ Roborock S6 MaxV ที่ฉลาดด้วย AI และ Lidar

รีวิวหุ่นยนต์ดูดฝุ่น IoT ของ Roborock S6 MaxV ที่ฉลาดด้วย AI และ Lidar

วันนี้ไม่ได้มาพูดเรื่องการตลาด แต่จะขอมารีวิวหุ่นยนต์ดูดฝุ่น IoT ที่มี AI ในตัวของ Roborock รุ่น S6 MaxV และเครื่องดูดฝุ่นไร้สาย H6 Soft สำหรับนักการตลาดที่งานยุ่งไม่สะดวกทำความสะอาดบ้านด้วยตัวเองบ่อยๆ ก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหุ่นยนต์ดูดฝุ่นอัจฉริยะ Roborock S6 MaxV ตัวนี้ดีกว่า เพราะนอกจากจะดูดฝุ่นด้วยตัวเองได้แล้ว ยังสามารถถูพื้นให้สะอาดกริ๊บได้พร้อม เรียกได้ว่าถูกใจนักการตลาดงานยุ่ง และเจ้าของธุรกิจที่ไม่ค่อยว่างอย่างผมมากเลยจริงๆ

ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณคุณบาส จาก Roborock ด้วยนะครับที่ใจดีส่งหุ่นยนต์ดูดฝุ่น Roborock S6 MaxV และเครื่องดูดฝุ่นไร้สาย Roborock H6 Soft มาให้รีวิวถึงบ้าน

รีวิว Roborock S6 MaxV หุ่นยนต์ดูดฝุ่น IoT ด้วยพลัง AI ที่ทำงานได้เร็วกว่าหุ่นยนต์ดูดฝุ่นแบบเดิมที่ผมมีหลายเท่า!

ก่อนอื่นต้องบอกก่อนนะครับว่าส่วนตัวผมเองก็มีหุ่นยนต์ดูดฝุ่นยี่ห้อดังที่เคยซื้อมาเมื่อหลายปีก่อน ก็ไม่คิดว่าหุ่นยนต์ดูดฝุ่นจะต่างกันมาก เพราะมันก็แค่วิ่งไปดูดฝุ่นไปธรรมดา พอทำความสะอาดจนครบทั้งห้องก็วิ่งกลับไปเข้าแท่นชาร์จเองตามปกติ

แต่ด้วยเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไปไวแม้แต่หุ่นยนต์ดูดฝุ่นเองก็ตาม ทำให้ผมได้เซอร์ไพรซ์มากเมื่อได้พบว่าหุ่นยนต์ดูดฝุ่นสมัยนี้มันพัฒนาไปไกลมากกว่าเมื่อไม่กี่ปีที่แล้วอย่างเห็นได้ชัด

เอาเป็นรายละเอียดเรื่องเทคนิคผมขอไม่ลงลึก ถ้าอยากรู้ลึกๆ เชิญกดเข้าไปอ่านเองตรงนี้ได้เลยครับ > http://bit.ly/RoborockS6MaxVTH

หุ่นยนต์ดูดฝุ่น Roborock S6 MaxV ดีที่เป็น IoT เชื่อมต่อ Wifi ได้

รีวิวหุ่นยนต์ดูดฝุ่น IoT Roborock S6 MaxV และเครื่องดูดฝุ่นไร้สาย H6 Soft สำหรับคนรักความสะอาดแต่ชอบความสบาย ด้วย AI และ Lidar
รีวิวหุ่นยนต์ดูดฝุ่น IoT Roborock S6 MaxV และเครื่องดูดฝุ่นไร้สาย H6 Soft สำหรับคนรักความสะอาดแต่ชอบความสบาย ด้วย AI และ Lidar

ต้องบอกว่าคอนเซป IoT หรือ Internet of Thing เป็นสิ่งที่ผมได้ยินมานานมาก แต่ได้มาสัมผัสประสบการณ์กับตัวตรงๆ ก็คือผ่านเจ้าหุ่นยนต์ดูดฝุ่นเครื่องนี้เลย ที่ทำให้ผมว่าอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านถ้าเชื่อมต่อกับมือถือได้ช่างเป็นอะไรที่สะดวกสบายมากครับ

เพราะเมื่อเชื่อมต่อแล้วเราสามารถกดสั่งให้มันทำงานตอนไหนเมื่อไหร่ก็ได้ เช่น ถ้าผมออกไปข้างนอกแล้วมีแขกสำคัญจะแวะมาที่บ้าน ผมก็สามารถกดสั่งให้มันทำงานด้วยตัวเองได้สบายๆ โดยไม่ต้องรอให้ถึงบ้านแล้วค่อยกดปุ่มสั่งที่ตัวเครื่องหรือรีโมทแต่อย่างไรครับ

แล้วพอมันทำงานเสร็จก็จะส่ง Notification มาบอกเราที่มือถือ เป็นอะไรที่ว้าวมากสำหรับคนที่เคยใช้หุ่นยนต์ดูดฝุ่นรุ่นเก่าเมื่อไม่กี่ปีก่อน เรียกได้ว่าเป็นการมอบ User Experience ที่ว้าวมากกับคนที่ไม่เคยได้อะไรแบบนี้มาก่อน ไม่ต้องกลัวว่ากดไปแล้วเครื่องจะทำงานหรือไม่ แล้วมันจะทำงานจนเอ๋อไปหรือเปล่า แต่ยังไม่หมดแค่นั้นครับ เพราะเมื่อคุณกดสั่งให้มันทำงานคุณสามารถตรวจสอบว่ามันกำลังทำงานจริงหรือไม่แบบ Real-time ด้วยครับ

หุ่นยนต์ดูดฝุ่น IoT ดีที่มีกล้องหน้าให้เราดู LIVE การทำงานแบบ Real-time ได้

รีวิวหุ่นยนต์ดูดฝุ่น IoT Roborock S6 MaxV และเครื่องดูดฝุ่นไร้สาย H6 Soft สำหรับคนรักความสะอาดแต่ชอบความสบาย ด้วย AI และ Lidar
รีวิวหุ่นยนต์ดูดฝุ่น IoT Roborock S6 MaxV และเครื่องดูดฝุ่นไร้สาย H6 Soft สำหรับคนรักความสะอาดแต่ชอบความสบาย ด้วย AI และ Lidar

ความเจ๋งอีกข้อของเจ้าหุ่นยนต์ดูดฝุ่น Roborock S6 MaxV คือเราสามารถดูการทำงานแบบถ่ายทอดสด Real-time เสมือนว่ามันกำลัง LIVE ให้เราดูด้วยกล้องหน้าคมชัดพอสมควร และที่เจ๋งกว่านั้นพอสมควรก็คือเวลามันมุดเข้าที่มืดอย่างใต้เตียงหรือใต้โซฟา ภาพที่ส่งมาก็จะเปลี่ยนไปจากสีกลายเป็นภาพจากกล้อง Infared ครับ

แถมยังไม่เท่านั้น เรายังสามารถกดที่ปุ่มบังคับเดินหน้า ถอยหลัง ซ้าย ขวา สั่งให้มันไปไหนมาไหนได้ตามใจผ่าน Wifi ประหนึ่งเล่นรถบังคับวิทยุอย่างไรอย่างนั้น บอกตรงๆ ว่าฟีเจอร์นี้จะทำเอาหนุ่มๆ อย่างผมหมดเวลาไปหลายชั่วโมงอยู่เหมือนกัน เพราะมัวแต่เล่นบังคับเจ้าหุ่นยนต์ดูดฝุ่นนี้อยู่นานก่อนจะปล่อยให้มันวิ่งทำงานด้วยตัวเองตามปกติ

และความเจ๋งของเจ้าหุ่นยนต์ดูดฝุ่นตัวนี้ยังไม่หมดแค่นั้น เพราะมันยังมาพร้อมกับเทคโนโลยี Lidar แบบเดียวกับรถยนต์ Tesla ที่ทำให้มันสามารถเห็นสภาพแวดล้อมรอบข้างได้ดีกว่าเดิม

ด้วยเทคโนโลยี Lidar ใช้เลเซอร์สแกนรอบห้องก็ทำให้ทำงานเร็วขึ้นมากกว่าหุ่นยนต์ดูดฝุ่นที่ไม่มี

รีวิวหุ่นยนต์ดูดฝุ่น IoT Roborock S6 MaxV และเครื่องดูดฝุ่นไร้สาย H6 Soft สำหรับคนรักความสะอาดแต่ชอบความสบาย ด้วย AI และ Lidar

กล้องทำให้เราเห็นภาพ แต่ขาดการเข้าใจมิติของภาพแบบเชิงลึก นี่คืออุปสรรคของหุ่นยนต์ในอดีตทั้งหลาย แต่ด้วยเทคโนโลยี Lidar หรือเรดาร์จากเลเซอร์นั้นทำให้การเข้าใจวัตถุรอบข้างของหุ่นยนต์หรือ AI ดีขึ้นกว่าเดิมมาก ต้องบอกเลยนะครับว่ารถยนต์พลังงานไฟฟ้าอย่าง Tesla ก็ใช้เทคโนโลยีนี้ในการช่วยอ่านสถานการณ์รอบข้างว่าตกลงไอ้ที่เห็นภาพตรงหน้ามันคืออะไรกันแน่

จากภาพจะเห็นว่ามันมี spot เป็นจุดบนแผนที่ห้องขึ้นมา(เรียกแผนที่ห้องฟังดูแปลกๆ แฮะ) มันบอกว่าตรงนั้นคือ Fabric 84% ซึ่งพอผมไปดูมันคือเศษผ้าหล่นอยู่ใต้เตียงนั่นเองครับ

ตรงจุดๆ กลางห้องคือขาโซฟา ที่ Lidar สแกนเห็นเป็นแท่งบางอย่างที่ไม่สามารถวิ่งผ่านได้ เส้นตรงนั้นคือปลายเตียง ที่เห็นพุ่งออกไปคือบันไดนอกประตูห้อง จะเห็นได้ว่าเจ้าคลื่นเสียง Lidar นี้สามารถสแกนทั้งห้องได้อย่างรวดเร็ว และนั่นก็ส่งผลให้การทำความสะอาดห้องแต่เดิมที่เคยนานนั้นเสร็จภายในสิบนาทีนิดๆ เท่านั้นเอง!

ถูกใจสายรักสะอาดแต่ขี้เกียจอย่างผมมากครับ นี่พูดเลย

หุ่นยนต์ดูดฝุ่น IoT ที่ดูดและถูพื้นจบในเครื่องเดียว

เดิมทีหุ่นยนต์ดูดฝุ่นมักทำมาแยกหน้าที่กัน เครื่องนึงดูด เครื่องนึงถู ทำให้ต้องเสียเวลาทำงานสองต่อ และก็เสียเงินซื้อเพิ่มเพราะแค่ต้องการอีกหนึ่งฟีเจอร์โดยใช่เหตุ (ผมเองคนนึงก็เกือบจะเสียเงินสองต่อแบบนี้เหมือนกัน) แต่กับเจ้าหุ่นยนต์ดูดฝุ่น IoT ของ Roborock S6 MaxV เครื่องนี้นั้นสามารถทำได้ 2 in 1 โดยทำทั้งสองงานไปพร้อมกันโดยไม่ต้องเสียเวลาสองรอบแต่อย่างไร

แล้วเราเองก็สามารถปรับระดับของการถูได้ว่าต้องการใช้น้ำมากหรือน้อยขนาดไหน ถ้าดูจากรูปภาพก็จะเห็นว่า ผมสามารถปรับเลือกได้ว่าช่วงนี้บ้านสกปรกเต็มไปด้วยฝุ่น PM 2.5 มาก ก็ถูพื้นให้ฉ่ำๆ น้ำหน่อย แต่ถ้าบ้านยังไม่ได้สกปรกมากแต่อย่างไร ก็สามารถเลือกไม่ต้องถูพื้นไปด้วยก็ได้ครับ

ส่วนระดับแรงการดูดก็ปรับเลือกได้ว่าจะให้เงียบหรือเน้นแรงเพื่อความสะอาด ส่วนตัวผมรู้สึกว่าปรับระดับตามภาพกำลังดีแล้วก็พบว่าเสียงนั้นเงียบและเบามาก เมื่อเทียบกับเครื่องเก่าแล้วนี่แทบจะต่างกันแบบรถยนต์ Hybrid กับรถเครื่องดีเซลท่อไอเสียแตกเลยทีเดียว

ยังไม่นับฟีเจอร์อื่นๆ ที่ผมยังไม่ได้ลองใช้ เช่น เจ้าหุ่นยนต์ดูดฝุ่น IoT เครื่องนี้สามารถสร้างแผนที่ห้องหรือแต่ละชั้นได้โดยเก็บไว้ใน Memory ตัวเครื่องในทันที ข้อดีคือทำให้ง่ายต่อการทำงานในแต่ละชั้นเมื่อหยิบยกย้ายเครื่องไปทำงาน เพราะมันจะรู้ว่าเหลี่ยมมุมห้องนั้นอยู่ตรงไหน และผลที่ได้ก็คือทุกอย่างเสร็จไวมากเมื่อเทียบกับหุ่นยนต์ดูดฝุ่นเครื่องเก่าที่ผมมีครับ

สรุปความรู้สึกหลังรีวิวหุ่นยนต์ดูดฝุ่น IoT ของ Roborock S6 MaxV

รีวิวหุ่นยนต์ดูดฝุ่น IoT Roborock S6 MaxV และเครื่องดูดฝุ่นไร้สาย H6 Soft สำหรับคนรักความสะอาดแต่ชอบความสบาย ด้วย AI และ Lidar

ชอบและประทับใจมากจนรู้สึกว่าราคาขายปกติไม่ได้แพงจนเกินไป 29,000 บาท แต่ช่วงนี้เขาลดราคาพิเศษให้สำหรับคนที่สนใจ โดยลดไปหมื่นกว่าบาท เพราะเหลือแค่ 18,900 บาทเท่านั้นเองครับ

และทาง Roborock ยังบอกว่ารุ่นที่เขานำมาจำหน่ายนั้นเป็น Global Version ที่มาพร้อมกับการรับประกันนานถึง 2 ปีเลยทีเดียว

เอาเป็นว่าใครกำลังมองหาหุ่นยนต์ดูดฝุ่น หรือหุ่นยนต์ถูพื้นอยู่ ผมแนะนำให้คุณลองดู ​Roborock S6 MaxV ตัวนี้เลยครับ ฉลาด ครบ จบ คุ้ม ตอบในฐานะผู้ใช้ตัวจริงที่ทุกวันนี้ก็ใช้อยู่ที่บ้านเป็นประจำ ดู Netflix ไปเปิดให้มันทำงานไป หรืออยู่ว่างๆ นอกบ้านนึกครื้มต่ออินเทอร์เน็ตเข้ามาให้มันเดินสำรวจดูความเรียบร้อยของบ้านก็ยังได้สบายๆ ครับ

แต่การรีวิวยังไม่จบแค่นี้ เพราะทาง Roborock Thailand ยังใจดีส่งเครื่องดูดฝุ่นไร้สายรุ่น H6 Soft มาให้ใช้รีวิวควบคู่กันไปด้วยครับ

ซึ่งเจ้าเครื่องดูดฝุ่นไร้สาย Roborock รุ่น H6 Soft นี้นอกจากจะดีไซน์สวยงามสมกับรางวัล reddot winner 2020 ที่ได้รับมา แต่ยังทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและทรวงพลังมาก ซึ่งไม่สมกับชื่อ Soft ของรุ่นที่ติดมาข้างกล่องแต่อย่างไรครับ

รีวิว Roborock H6 Soft เครื่องดูดฝุ่นไร้สายที่แบตอึดมาก

รีวิวหุ่นยนต์ดูดฝุ่น IoT Roborock S6 MaxV และเครื่องดูดฝุ่นไร้สาย H6 Soft สำหรับคนรักความสะอาดแต่ชอบความสบาย ด้วย AI และ Lidar

ผมในฐานที่บ้านมีเครื่องดูดฝุ่นไร้สายมาแล้ว 3 ครั้ง เครื่องแรกเป็นยี่ห้อดังทางยุโรปซึ่งซื้อมาใช้ได้ไม่นานก็แบตเสื่อมไปจนทุกวันนี้แทบจะดูดได้ไม่เกิน 5 นาที จากนั้นก็เลยหาซื้อเครื่องดูดฝุ่นไร้สายของจีนยี่ห้อดัง ก็พบว่าความไม่ค่อยยืดหยุ่นในการใช้งาน บวกกับดูดได้ไม่ค่อยแรงเท่าไหร่ ก็เรียกได้ว่าพอถูๆ ไถๆ ใช้ไปตามราคาครับ

แต่พอได้เจ้าเครื่องดูดฝุ่นไร้สายของ Roborock H6 Soft รุ่นนี้มาบอกตรงๆ ว่าดีไซน์สวยมากไม่แพ้ยี่ห้อดังที่ราคาแพงแต่อย่างไร

อันดับแรงคือใช้งานได้นานกว่า 90 นาทีจากการชาร์จเพียง 1 ครั้งเต็ม! 90 นาทีเลยนะครับ คุณสามารถหยิบไปดูดฝุ่นทั้งบ้านได้สบายๆ แต่ที่ชอบไปกว่านั้นคือมีหัวต่ออุปกรณ์เสริมมากมายให้เลือกเล่นได้ไม่รู้จบ

ที่ผมชอบมากที่สุดคือหัวดูดแบบยืดหดหรือจะดึงไปทางไหนก็ได้ตามใจ เรียกได้ว่าถูกใจเวลาจะใช้ทำความสะอาดใหญ่มาก ยิ่งคนที่มีห้องหนังสือแบบผมนี่สามารถดึงหัวดูดไปยังตามซอกหรือหลังชั้นหนังสือได้สบายๆ ครับ (ชิ้นที่อยู่ซ้ายมือสุดในรูปครับ)

ส่วนที่ชอบตามมาคือเราสามารถกดล็อคการดูดฝุ่นค้างไว้ได้โดยไม่ต้องเอานิ้วกดแช่ไว้ให้เมื่ออีกต่อไป ฟังดูเป็นเรื่องเล็กน้อยแต่สำคัญมากนะครับสำหรับคนที่ต้องทำความสะอาดบ้านบ่อยๆ เป็นการออกแบบที่เข้าใจ User Experience มากๆ เลย

เรื่องการยืดหดของตัวท่อดูดอันนี้ไม่ค่อยพูดถึงหรือลงรายละเอียดมาก ก็เอาง่ายๆ คือจะดูดสูงไปถึงฝ้าเพดานก็ง่ายๆ ด้วยตัวเครื่องที่น้ำหนักเบาแค่ 1.4 กิโลกรัมเท่านั้น ต่อให้คุณผู้หญิงแม่บ้านมาใช้ก็จะรู้สึกเลยว่าใช้งานมือเดียวยกได้สบายๆ ครับ

ส่วนที่ชอบที่สุดคือแรงดูดของเจ้าเครื่องดูดฝุ่นไร้สาย Roborock H6 Soft คือแรงดูดสูงถึง 150w ที่สามารถใช้ดูไรฝุ่นออกจากที่นอนได้สบายๆ

เรียกได้ว่าจ่ายหนึ่งได้ถึงสอง นอกจากจะได้เครื่องดูดฝุ่นไร้สายคุณภาพดีดีไซน์สวย ยังสามารถใช้ดูดไรฝุ่นเพื่อลดอาการภูมิแพ้ที่กำลังเป็นที่นิยมแบบสบายๆ

ซึ่งทาง Roborock Thailand เองก็ฝากมาบอกว่าตอนนี้เขากำลังลดราคาเป็นพิเศษให้กับคนที่สนใจ จากเดิม 23,000 บาท ตอนนี้เขาลดไปเกือบหมื่นเหลือแค่ 13,900 บาท มาพร้อมกับการรับประกันสองปีตามเงื่อนไขของบริษัท ใครสนใจอยากอ่านรายละเอียดต่อหรือสั่งซื้อก็เชิญได้เลยครับ > http://bit.ly/RoborockH6SoftTH

สรุปส่งท้ายการรีวิวเครื่องดูดฝุ่นไร้สาย และหุ่นยนต์ดูดฝุ่นและถูกพื้นได้ 2 in 1 แบบ IoT ของ Roborock Thailand

รีวิวหุ่นยนต์ดูดฝุ่น IoT Roborock S6 MaxV และเครื่องดูดฝุ่นไร้สาย H6 Soft สำหรับคนรักความสะอาดแต่ชอบความสบาย ด้วย AI และ Lidar

ไม่มีอะไรจะพูดมากกว่าคำว่าชอบมาก โดยเฉพาะเจ้าหุ่นยนต์ดูดฝุ่นและถูกพื้นได้แบบ 2 in 1 ที่เป็น IoT รุ่น Roborock S6 MaxV ที่สามารถสั่งทำความสะอาดจากที่ไหนบนโลกก็ได้แค่มีอินเทอร์เน็ตให้ต่อเท่านั้นเองครับ

ใครที่กำลังมองหาของสองสิ่งนี้อยู่อยากแนะนำให้ลองดูที่นี่ครับ ทาง Roborock Thailand เค้าดูแลและบริการผมอย่างดี ผมเชื่อว่าเขาก็น่าจะดูแลและบริการพวกคุณดีไม่แพ้กัน

นี่คืออุปกณ์สำหรับนักการตลาดและเจ้าของธุรกิจที่งานยุ่งมากจนไม่มีเวลาจะมานั่งทำความสะอาดบ้านเองบ่อยๆ ก็ปล่อยให้เจ้าหุ่นยนต์ดูดฝุ่นอัจฉริยะตัวนี้ทำงานไป ส่วนถ้ามีเวลาเมื่อไหร่ก็ค่อยหยิบเครื่องดูดฝุ่นไร้สาย H6 Soft มาทำความสะอาดเองสักเดือนละครั้งก็พอครับ

สุดท้ายนี้ขอบคุณ Roborock Thailand อีกครั้งที่ส่งทั้งสองเครื่องนี้มีให้รีวิว เอาตรงๆ ตอนนี้ติดใจจนไม่ขอส่งคืน เอาเป็นว่าขอไว้รีวิวยาวๆ อีก 2 ปีเลยแล้วกันนะครับ

Nattapon Muangtum

เจ้าของเพจการตลาดวันละตอน / อาจารย์พิเศษวิชา Data-Driven Communication / เขียนหนังสือมาแล้ว 5 เล่ม Personalized Marketing, Data-Driven Marketing, Data Thinking, Contextual Marketing และ Social Listening / ที่ปรึกษา Data-Driven Advisor

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *