Discovery Generation เผย Insight ใหม่ คนไทยเปิดใจรับแบรนด์ใหม่ง่ายมาก

เพราะการทำธุรกิจต่อไปนี้ ยอดขายบนออนไลน์ส่วนใหญ่ของคุณจะมาจากการที่ลูกค้าบังเอิญเจอระหว่างที่กำลังส่องโซเชียลมีเดียไปเรื่อยๆ ดังนั้นในฐานะ Digital marketer 2020 ต้องมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งว่าว่าผู้บริโภคชาวไทยและในภูมิภาคอาเซียนนั้นมีพฤติกรรมบนออนไลน์ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างไรในวันนี้ ยินดีต้อนรับสู่ Discovery Generation

Discovery Generation ยุคของการส่องไปเรื่อยๆ

เพราะผู้บริโภคยุคใหม่ส่วนใหญ่แล้วเวลาจะซื้ออะไรซักอย่างมักจะไม่ได้มาจากความต้องการว่าอยากซื้อแต่แรก แต่มักจะมาจากการบังเอิญเจออะไรซักอย่างที่น่าสนใจแทรกเข้ามาระหว่างที่กำลังเล่นอินเทอร์เน็ตหรือเลื่อนฟีดโซเชียลมีเดียไปเรื่อยๆ ครับ ดังนั้นคำถามสำคัญคือ Disocovery Generation นั้นมีที่มาที่ไปอย่างไร?

Discovery Generation มาจากไหน?

เพราะผู้บริโภคยุคใหม่มักเจอแบรนด์ใหม่ๆ ผ่านออนไลน์โดยไม่ได้ตั้งใจแต่ก็เผลอใจซื้อเป็นประจำ

เป็นเหมือนผมมั้ยครับ ระหว่างที่เปิด Instagram เล่นๆ ฆ่าเวลาก็พบกับโฆษณาที่บังเอิญเห็นแล้วอยากได้ขึ้นมา อย่างตอนที่ผมซื้อ iPhone11 มาใหม่ ก็บังเอิญเจอโฆษณาเคสโทรศัพท์มือถือรุ่นนี้พอดีเลย และก็เห็นจากวิดีโอโฆษณาแล้วรู้สึกว่าเท่ห์มาก (คือมันกันได้ทุกอย่างแม้กระทั่งรถทับ) จนทำให้ผมอดใจกดสั่งซื้อมาส่งที่บ้านไม่ได้เลยจริงๆ

จากการสำรวจ Digital Consumer พบว่ากว่า 70% ของผู้บริโภคยุคใหม่ไม่รู้ว่าตัวเองอยากได้อะไร หรือควรซื้อที่ไหนดีในระหว่างที่หาของที่อยากได้ไปเรื่อยๆ ดังนั้นแรงกระตุ้นสำคัญที่ทำให้ผู้บริโภคยุคใหม่ซื้อทั้งทางออนไลน์หรือออฟไลน์หน้าร้าน ก็คือขึ้นอยู่กับว่าพวกเขาบังเอิญเห็นอะไรอยู่ตรงหน้าในตอนนั้น เหมือนหลายครั้งที่เราเดินเข้าห้างเพื่อจะซื้อของแค่สองอย่าง แต่เรากลับได้ของเกือบสิบอย่างติดมือกลับบ้านมาโดยไม่รู้ตัว หรือบ่อยครั้งที่ผมตั้งใจจะเข้าเว็บร้านหนังสือออนไลน์เพื่อซื้อแค่หนึ่งเล่มที่ตั้งใจไว้ แต่กลับเผลอสั่งไปสี่ห้าเล่มเป็นประจำ

และด้วยการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดในเรื่อง Digital Payment หรือการจ่ายเงินทางออนไลน์ในแถบอาเซียนบ้านเรา ส่งผลให้การซื้อขายบนออนไลน์พัฒนาไปไวมาก กว่า 76% ของผู้บริโภคที่ทำการสำรวจมาบอกว่าพวกเขาชอบเข้าไปหาของใหม่ๆ บนออนไลน์เป็นประจำ โดยเฉพาะทางโซเชียลมีเดียยอดนิยมอย่าง Facebook และ Instagram

ดังนั้นจะเห็นได้ว่าในภูมิภาคอาเซียนโซเชียลมีเดียมีผลอย่างมากต่อการกระตุ้นความอยากซื้อให้เกิดขึ้น ยิ่งกว่าสื่อออฟไลน์ทุกช่องทาง และมากกว่าการค้นหาทางออนไลน์ในรูปแบบอื่นๆ

ดร.สันติธาร เสถียรไทย Group Chief Economist ของ SEA บริษัทแม่ของ Shopee ให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า…

Experiential E-Commerce หรือการมอบประสบการณ์ช้อปออนไลน์ที่เหนือกว่าเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะผู้บริโภคยุคใหม่หรือนักช้อปออนไลน์ทุกวันนี้มีพฤติกรรมเปลี่ยนไปจากปีก่อนที่นักการตลาดเคยรู้จักมาก การช้อปออนไลน์เปลี่ยนจากการแค่เข้ามาหาของที่ต้องการแล้วก็ซื้อไป กลายเป็นการเข้าไปเดินช้อปปิ้งในห้างสรรพสินค้าที่หลายครั้งเราอาจไม่ได้ต้องการอะไรซักอย่าง แค่อยากไปเดินห้างเที่ยวผ่อนคลาย แต่กลับถูกดึงดูดด้วยอะไรที่น่าสนใจมากมายจากร้านค้า จนทำให้เราต้องเผลอซื้ออะไรติดมือมาเสมอ และนั่นก็คือวิวัฒนาการของการช้อปออนไลน์ในวันนี้ ที่ยอดขายจะไม่ได้มาจากแค่มีของดีๆ ที่ลูกค้าต้องการไว้ขาย แต่เป็นเรื่องของการนำเสนอสินค้าให้น่าสนใจผ่านออนไลน์ (เหมือนที่เราจะเห็นแม่ค้าออนไลน์มากมายหาสารพัดวิธีในการ Live ขายของจนเราต้องยอมใจยอมจ่าย) ดังนั้นทาง Shopee เลยให้ความสำคัญมากกับเรื่องนี้ ด้วยการเพิ่มฟีเจอร์ลูกเล่นต่างๆ เพื่อสร้างประสบการณ์ในการช้อปปิ้งที่สนุกสนานกว่าคู่แข่ง ที่จะทำให้การช้อปกลายเป็นเรื่องที่น่าสนุกยิ่งขึ้น

ดูคลิปการให้สัมภาษณ์ของ ดร. สันติธาร เสถียรไทย เพิ่มเติมได้ที่ลิงก์นี้

https://www.facebook.com/1319742961447503/videos/976155032760776/

เพราะผู้บริโภคยุคใหม่เปิดใจรับแบรนด์ใหม่อยู่เสมอ

discovery-generation-insight digital consumer in asean 2020 from facebook report

หมดยุคแบรนด์เดียวที่จะครองใจใครได้นานเหมือนวันวานอีกต่อไป ในยุคของการที่ผู้บริโภคได้พบเห็นอะไรใหม่ๆ ตลอดเวลา หรือ Discovery Generation นั้นส่งผลให้พวกเขามีซื้อสินค้าหรือบริการจากหลายแบรนด์มาก แถมยังเปิดใจรับแบรนด์ใหม่ๆ ได้ง่ายกว่าที่เคยเป็นมา

มากกว่า 60% ของประชากรชาวอาเซียนบอกว่าบอกเขามีหลายแบรนด์ในใจ แถมยังลองแบรนด์ใหม่ที่เห็นว่าน่าสนใจเป็นประจำ และนี่ก็ไม่ใช่คำตอบจากแค่ผู้บริโภคที่อาศัยอยู่ในเมืองหลวงเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงเมืองรองต่างๆ หรือผู้บริโภคในเขตต่างจังหวัดอีกด้วย

จากตัวเลขจะเห็นว่าประเทศที่ผู้บริโภคซื้อสินค้าจากหลากหลายแบรนด์มากที่สุดคือสิงค์โปร มากถึง 75% น้อยสุดคือเวียดนาม 52% แสดงว่ายังมีความ Loyalty สูง หรือในอีกแง่หนึ่งอาจมองได้ว่าด้วยการที่ผู้บริโภคในเวียดนามยังไม่สามารถเข้าถึงตัวเลือกที่ดีและหลากหลายได้มากพอ ส่วนผู้บริโภคชาวไทยเองที่เปิดรับหลายแบรนด์มีสัดส่วนอยู่ที่ 65% ครับ

กว่า 45% ของผู้ตอบแบบสอบถามบอกว่าพวกเขาเคยซื้อสินค้าหรือบริการจากแบรนด์ใหม่ๆ ทางออนไลน์ทั้งที่ปีก่อนยังไม่เคยรู้จักหรือได้ยินแบรนด์นี้มาก่อนเลย โดยเฉพาะในประเทศไทยและเวียดนามมีตัวเลขที่สูงมากสำหรับเรื่องนี้ เพราะกว่า 58% ของคนไทยบอกว่าหลายแบรนด์ที่พวกเขาซื้อทางออนไลน์ก็เป็นแบรนด์ใหม่ที่ไม่เคยรู้จักมาก่อนจากปีที่แล้ว ส่วนผู้บริโภคในสิงค์โปรกับอินโดนีเซียยังมีความ conservative กับเรื่องนี้มากกว่า เพราะตัวเลขของพวกเขาอยู่แค่ 36% และ 39% เท่านั้นเอง

ดังนั้นจะเห็นว่าน้อยที่สุดของกลุ่มผู้บริโภคในอาเซียนก็คือยังมากกว่า 1 ใน 3 ต่างลองซื้อสินค้าหรือบริการจากแบรนด์ใหม่ๆ ที่เพิ่งจะเคยได้ยินชื่อหรือรู้จักเป็นครั้งแรกในปีนี้ทั้งนั้น

โอกาสของแบรนด์ใหม่มีมากมายบนออนไลน์ แน่นอนว่าคุณก็กำลังอยู่ในพื้นที่ Red Ocean ที่เต็มไปด้วยคู่แข่งและไร้ซึ่งความ Loyalty เช่นเดียวกัน

ปล. ส่วนพี่ไทยเรานำเป็นเบอร์หนึ่งในอาเซียนเลยจ้า เพราะดูจากตัวเลขแล้วรู้สึกว่า ยิ่งใหม่ยิ่งอยากลองอย่างไรอย่างนั้นครับ

3 เหตุผลใหญ่ที่ทำให้คนกล้าช้อปออนไลน์กับแบรนด์ใหม่

นี่คือ 3 เหตุผลหลักที่ทำให้ผู้บริโภคยุคใหม่กล้าซื้อสินค้าหรือบริการจากแบรนด์ใหม่ที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนทางออนไลน์ 1. สินค้าหรือบริการน่าสนใจ 2. ได้ข้อเสนอที่ดี และ 3. มีรีวิวที่ดูน่าเชื่อถือ

ยิ่งเสริชเจอยิ่งอยากช้อป

เพราะการจะซื้ออะไรสักอย่างในวันนี้ไม่ได้เกิดขึ้นบนออนไลน์อย่างเดียว หรือเกิดขึ้นเฉพาะที่ออฟไลน์เท่านั้น แต่ Purchase journey ในวันนี้มาจากการที่เมื่อผู้บริโภคยุคใหม่ต้องการอะไรสักอย่าง พวกเขาอาจจะค้นหาสินค้าบนออนไลน์ จากนั้นก็ค้นหาเว็บอื่นเพื่อเปรียบเทียบราคา แล้วก็แวะไปที่หน้าร้านเพื่อลองจับหรือสัมผัสสินค้าตัวจริง แล้วค่อยกดสั่งซื้อทางออนไลน์อีกครั้งให้ไปส่งที่บ้านในเว็บที่ได้ราคาที่ดีที่สุด

เช่นเดียวกับการซื้อสินค้าที่หน้าร้าน พวกเขาก็มักจะเปิดมือถือเพื่ออ่านรีวิวและเปรียบเทียบราคาจากร้านอื่นควบคู่ไปด้วย แล้วจากนั้นถ้าเปรียบเทียบราคาแล้วสินค้าตรงหน้านั้นดูเหมือนว่าจะคุ้มค่าและถูกที่สุด ผู้บริโภคยุคใหม่ก็ถึงจะตัดสินใจซื้อสินค้าจากหน้าร้าน หรือห้างซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งนั้นครับ เหมือนวันก่อนผมไปเดินซูเปอร์มาร์เก็ตเห็นคนยืนเปิดรีวิวซอสพริก คิดดูซิครับว่าแค่ซอสพริกหนึ่งขวดยังต้องอ่านรีวิวก่อนซื้อ ทั้งที่ขวดละไม่กี่สิบบาท!

หมดยุคแล้วกับการที่ผู้บริโภคในวันนี้จะแค่ซื้อสินค้าสักอย่างโดยไม่หาข้อมูลเปรียบเทียบก่อนตัดสินใจ ต่อให้จะซื้อออนไลน์ก็จะเปรียบเทียบกับหลายร้าน และต่อให้อยู่ที่หน้าร้านก็จะค้นหาข้อมูลบนออนไลน์ควบคู่ไปเสมอครับ

จากกราฟแท่งจะเห็นว่าผู้บริโภคชาวไทยนั้นมีการเข้าออนไลน์เพื่อเช็คสินค้าก่อนซื้อเป็นประจำถึง 55% ตรงไปที่ร้านค้า 8% เช็คออนไลน์และออฟไลน์ควบคู่กัน 28% และซื้อเลยโดยไม่เสริชหาอะไรเลยแค่ 10% เท่านั้น!

86% ของผู้บริโภคในภูมิภาคอาเซียนบอกว่าพวกเขาหาข้อมูลทั้งทางออนไลน์และออฟไลน์ก่อนซื้อเป็นประจำ

33% ของผู้บริโภคในภูมิภาคอาเซียนบอกว่าพวกเขาจะชอบไปเห็นของจริงที่หน้าร้านก่อนซื้อเสมอ

เพราะผู้บริโภคยุคใหม่ในวันนี้ไม่ได้ซื้อสินค้าหรือบริการอะไรสักอย่างเพราะพวกเขามีความต้องการมัน แต่เพราะพวกเขาอยากได้มันขึ้นมาแบบกระทันหันเป็นส่วนใหญ่ นั่นก็ด้วยประสบการณ์ที่แตกต่างในทุกๆ ช่องทางที่ขึ้นอยู่กับว่าแบรนด์ไหนจะสามารถทำให้พวกเขารู้สึกเพลิดเพลินและมีความสุขมากที่สุด การช้อปวันนี้ไม่ใช่แค่ออนไลน์หรือออฟไลน์อีกต่อไป แต่มันคือภาพรวมทั้งหมดของประสบการณ์ที่เราได้รับและกลั่นออกมาเป็นความรู้สึก หรือ Brand Experience ที่จะส่งผลให้เราอยากหยิบเงินซื้อ หรือกดสั่งซื้อออนไลน์หรือไม่ครับ

ในตอนหน้าเราจะมาลงลึกในส่วนที่ของของบทความ Demystify the Digital Consumer เพื่อเข้าใจผู้บริโภคในอาเซียนอย่างลึกซึ้งจากการแบ่งออกมาเป็น 6 กลุ่ม ที่มีกำลังในการซื้อ และพฤติกรรมในการช้อปที่แตกต่างกันครับ > https://www.everydaymarketing.co/knowledge/insight-6-types-digital-consumer-thai-and-asean/