สรุป Digital Commerce ประเทศไทย 2020 จาก MyCloudFulfillment

สรุป Digital Commerce ประเทศไทย 2020 จาก MyCloudFulfillment

เมื่อวันที่ 8 ตุลาคมที่ผ่านมาบริษัท MyCloudFulfillment ได้จัดงานแถลงข่าวบนหัวข้อ The Future of Digital Commerce ที่ทำให้เราเห็นกาเปลี่ยนแปลงของภาพรวมตลาดออนไลน์หลังจากวิกฤตโควิด-19 ในไทยค่ะ

Digital Commerce

เริ่มตั้งแต่อัตราการเติบโตของยอดขายบน Online Commerce ที่ทำให้เห็นว่าประเทศไทยของเรานั้นมีกำลังการซื้อสูงพอๆ กับประเทศอันดับหนึ่งในเอเชียตะวันออกเชียงใต้อย่าง Indonesia แต่ด้วยระดับ Internet Penetration ที่น้อยกว่ามาก ยิ่งตอกย้ำให้เราเห็นได้ว่า ประเทศไทยนั้นยังมีโอกาสที่ตลาดออนไลน์จะสูงขึ้นอีกเยอะในอนาคตนั่นเองค่ะ

Digital Commerce

โดยบริษัท MyCloudFullfillment ก็ได้แชร์ข้อมูลหลังบ้านของตัวเอง ที่พวกเค้าได้ทำการเปรียบเทียบการเติบโตของยอดขายของสินค้าจากธุรกิจต่างๆ พบว่าธุรกิจที่ Perform ได้ดีที่สุดช่วง COVID19 คือกลุ่มอาหารและเครื่องดื่มค่ะ ที่คนแห่กันมาซื้อผ่านออนไลน์แทน  อันดับ 2 ก็คือกลุ่ม Home Care ซึ่งก็มีแนวโน้มว่าจะโตขึ้นเรื่อยๆ บนออนไลน์ด้วย เนื่องจากคนก็จะเริ่มรักบ้าน อยากอยู่บ้านมากขึ้น พออยากอยู่บ้าน ก็อยากจะทำให้บ้านสวยงาม ปลอดภัย รองรับพฤติกรรมการอยู่บ้านมากขึ้นของตัวเองค่ะ 

อีกเหตุผลที่ทำให้ธุรกิจ 2 อย่างนี้เติบโตมากขึ้นในช่วง ระหว่างและหลัง COVID19 ก็คือเรื่องของน้ำหนักสินค้าที่ค่อนข้างมาก ไม่ว่าจะเป็นพวกแพ็คน้ำ หรือของใช้ในบ้านก็ตาม อย่างล่าสุดเพลินมองหาหม้อทอดไร้น้ำมันไว้ที่บ้าน ตอนไปดูก็ไปดูที่ห้างค่ะ แต่พอจะซื้อก็ซื้อออนไลน์จะได้ไม่ต้องหิ้วกลับบ้านเอาเอง

ส่วนต่อมาก็คือ กลุ่มของใช้แม่และเด็กที่เป็นสินค้าจำเป็น พอกลุ่มแม่ที่ต้องระวังเรื่องโรคเป็นพิเศษต้องอยู่บ้าน มันก็เป็นเหมือนภาคบังคับที่จำต้องสั่งซื้อของจากออนไลน์แทน ไม่ว่าจะเป็นนมเอย แพมเพิร์สเอย หลังจากสั่งซื้อบนออนไลน์จนเริ่มทำเป็น ต่อให้โควิด19 หายไปกลุ่มแม่ๆ พ่อๆ ก็ยังคงซื้ออนไลน์อยู่ เพราะมันพิสูจน์แล้วว่า ของที่ได้ก็มีคุณภาพดี แถมมันสบายกว่าหลายเท่าด้วย ที่ไม่ต้องออกไปซื้อของพวกนี้เองค่ะ

ส่วนกลุ่มสินค้าที่ยอดการเติบโตต่ำลง และทีท่าการโตค่อนข้างนิ่งๆ อยู่นั้นก็คือกลุ่มสินค้า Fashion เสื้อผ้า กระเป๋า ต่างๆ ซึ่งมันก็เป็น Correlation กับการออกนอกบ้าน ไปทำงาน ไปเที่ยว เมื่อคนต้องลิมิตการเดินทาง ยังออกนอกประเทศไม่ได้ คนก็ยังไม่ได้อยากซื้อเสื้อผ้าเยอะๆ เหมือนเคยค่ะ

ซึ่ง MyCloudFullfillment ก็ได้ให้ Tips 3 ข้อ ที่จะเป็นประโยชน์มากๆ กับผู้ค้าขายออนไลน์ที่สนใจอยากเอาตัวเองเข้ามาลุยตลาด Marketplace ต่างๆ ด้วย ซึ่ง 3 ข้อนี้ก็คือ

1. ตาม Lifestyle ของคน อย่าตาม Trends

ข้อนี้ดีมากๆ เทรนด์เป็นเหมือนอะไรที่มาแล้วก็ไป วันก่อนคนยังฮิต Cover แม่สิตางค์ ต่อมาเป็นหยาดพิรุณ ตอนนี้กลายเป็นลุงพล Blackpink ที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ไม่มีอะไรตายตัว ถ้าเราตาม Trends ขายของแบบเกาะกระแส เราก็จะเสี่ยงมากๆ เพราะเราก็จะต้องเปลี่ยนสินค้าที่จะขายตามเทรนด์นั้นๆ ด้วย

เช่น เมื่อกระแส COVID19 เข้ามา หลายคนแห่ตุนหน้ากากอนามัย แอลกอร์ฮอลล์ Dettol นี่หมดชั้น ไหนจะลามไปยังไฮเตอร์อะไรอีกที่เอามาขาย Up ราคาเพิ่มขึ้น จนตอนนั้นเพลินคิดเลยว่า เราคงจะไม่ได้เห็น Alcohol ขวดสีฟ้าในราคาไม่ถึง 100 อีกแล้ว แต่แล้วมาดูตอนนี้ค่ะ พอกระแสโรคเริ่มซาลง กลายเป็นว่า เหล่าผู้ขายนี่แหละ ที่เริ่มอยากโละละ จากผ้าอนามัยกล่องละ 300-500 เหลือ 180 ล่าสุดมี 80 กลับมาแล้วค่ะ บางร้านขายไม่ได้ ถึงขนาดที่ต้องเอาไปบริจาคแทนด้วย จะเห็นได้ว่าสิ่งที่คนขายของพวกนี้ทำคือ การเกาะกระแส แต่ถ้าจากจุดนี้เราย้ายมาดูในส่วนของ Lifestyle ของคนแทน เราก็จะเห็นว่า อ่อ… พอมีโควิด19 เข้ามา คนเริ่มหันมาใส่ใจและรักสุขภาพมากขึ้นนะ หลังจากนั้น เราก็ค่อยดูว่า ของหรือบริการอะไรที่คนจะซื้อ เมื่อต้องการดูแลสุขภาพค่ะ

แบบนี้เราก็จะมองเห็นว่า สินค้าลู่ทางอื่นๆ ที่เราจะนำมาขายนั้นควรเป็นอะไร และจะ Sustain กว่าแค่เกาะกระแสไปเรื่อยๆ ด้วย

2. เข้าใจ Journey ไม่ใช่ Channel

ทุกวันนี้เวลาเราขายของ เราก็พยายามสู้กับเครื่องมือที่เราใช้แหละ ไม่ว่าจะเป็นวิธีการยิง Ads หรือการเข้าใจใน Algorithm ของแพลตฟอร์มนั่นๆ แต่อีกมุมนึงคือการเข้าใจ Journey ของลูกค้าว่าจริงๆ แล้ว ลูกค้าใช้ช่องทางไหน แพลตฟอร์มไหน เพื่อทำอะไร ตอนไหนต่างหากค่ะ

เมื่อปีที่แล้วเพลินเคยทำงานให้ลูกค้ารายนึง ที่มีช่องทางการขายบน Shopee ด้วย หลังจากการค้นหาข้อมูลต่างๆ มันทำให้เพลินเข้าใจและไปบอกลูกค้าได้เลยว่า จริงๆ แล้วช่องทาง Shopee นั้นไม่ได้มีเอาไว้แค่รองรับการซื้ออย่างเดียวนะ เราต้องใส่ข้อมูลสินค้าให้ครบ พร้อมกับกระตุ้นให้คนมารีวิวของๆ เราเยอะๆ เพราะว่าสินค้าประเภทสายชาร์จ หูฟังง่ายๆ แบตมือถือแบบนี้ คนต้องการอ่าน Review และ Research Journey ของเค้าเริ่มจาก Shopee มากกว่า Google แล้ว 

เพราะฉะนั้นเราก็จะได้ไม่ต้องเสียเวลาในการมุ่งเน้นทำ Google Search Ads แต่เป็นเรื่องของการเล่นคำ เพิ่มรีวิว เพิ่มจำนวนการสั่งซื้อไปแล้วแทน เพราะนั้นคือ Key Factors ที่ลูกค้าจะตักสินใจซื้อของเมื่อเข้ามาใน Marketplace อย่าง Shopee ค่ะ

นอกเหนือจากนั้น การเข้าใจ Journey ของลูกค้าก็จะสามารถช่วยให้แบรนด์วางแผนการทำ Omni-Channel ได้ด้วย ทั้งๆ ที่เรื่องของ Omni-Channel นั้นมีมานานมากแล้ว นานจนเหมือนจะเก่าแล้วด้วยซ้ำ แต่ถ้ามาดูเข้าจริงๆ การ Sync ทุกช่องทางที่แบรนด์มีให้ไหลลื่นไม่สะดุดแบบ Seamless นั้นทำได้ยากแต่ต้องทำให้ได้ เพราะลูกค้าไม่ได้มองหาช่องทางที่แบรนด์สะดวกที่สุดแต่พวกเค้าจะมองหาช่องทางที่พวกเค้าสะดวกสุดค่ะ

3. เข้าใจ Pattern อย่าเข้าใจแต่ตัวเลข

Digital Commerce

การเข้าใจ Pattern ของเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นจะทำให้เราสามารถปรับตัวได้ทัน มากกว่าการมองแค่ตัวเลขค่ะ เช่น ถ้าเรามองหา Pattern ที่เกิดขึ้นในช่วงโควิด19 ที่ผ่านมา เราก็จะเห็นว่า ธุรกิจท่องเที่ยวจะกระทบหนักสุด และจะไม่มีใครออกจากบ้าน ตุนสินค้า ดังนั้นถ้ามี COVID19 ระลอก 2 เราก็จะรู้แล้วว่า ท่องเที่ยวจะปรับตัวยังไง และสินค้าอาหารกระป๋องจะต้องเพิ่มขึ้นเหมือนเดิม

หรืออีกหนึ่งตัวอย่างก็คือ การมองให้เห็นว่ายอดขายธุรกิจแฟชั่นนั้นมีความเชื่อมโยงกับธุรกิจท่องเที่ยวนะ ถ้าท่องเที่ยวแย่แฟชั่นก็อาจจะตกลงด้วย หรือ Basic Pattern ที่ทุกคนจะเข้าใจว่า Demand เยอะ Supply น้อย ราคาก็จะสูง และกลับกัน แบบนี้น่าจะร้องอ่อกันทุกคนเลยใช่ไหมคะ

Digital Commerce

ซึ่งแน่นอนว่าทุก 3 ข้อนี้ มีสิ่งเดียวที่จะช่วยได้ก็คือ Data ค่ะ ถ้าคุณอยากรู้ว่าลูกค้าประเภท A ซื้อของแบบไหนบ้าง ก็ต้องมองหาลูกค้าแบบประเภท A จากก้อน Data แล้วในวันนึงเราก็จะรู้ว่า ลูกค้าที่เป็นประเภท A เดียวกันนั้น น่าจะอยากได้สินค้าอะไรเพิ่ม หรือลดอะไรลง เป็นต้นค่ะ

การเก็บ Data ไม่ใช่เรื่องยาก และใครๆ ก็ทำได้ เริ่มจากแค่ชื่อ เบอร์โทร ที่อยู่ สินค้าที่ลูกค้าสั่งก่อน แล้วค่อยมาดู Repetition เพิ่มเติม เพื่อให้เราสามารถขยายตลาดบน Digital Commerce ต่อไปได้สำหรับนักการตลาด เจ้าของธุรกิจทุกคน อย่าลืมเริ่มเก็บและใช้ Data ที่มีในมือให้เป็นประโยชน์นะคะ

สุดท้ายนี้การตลาดวันละตอนขอแสดงความยินดีกับ MyCloud FulFillment ด้วยที่ได้รับ Funding จนบริษัทในตอนนี้น่าจะมีมูลค่าเกินกว่า 500 ล้านบาทไปแล้ว ดีใจที่ได้เห็น Startups ไทยก้าวเข้าใกล้ Unicorn ไปอีกขั้น เป็นกำลังใจให้ทุก Startups ไทยสร้างผลงานให้ได้ Funding ในเร็ววัน

สำหรับใครที่อยากอ่านบทความเกี่ยวกับ Data เพิ่มขึ้น ลองดูไอเดียได้ตรงนี้เลยค่ะ

Plearn Wisetwongchai

Marketing Strategic Planner ในเครือการตลาดวันละตอน | A Creator สาวพลัสไซส์ @Fabfatkid | A Travel Lover ที่หมดเงินเกือบ 80% ไปกับการเดินทางแบบแมสๆ | An Instagrammer @theplearn ที่ชอบเล่น Story เป็นชีวิตจิตใจ | สุดท้ายคือ Data Researcher ทั้ง Social และ Search Data etc. ค่ะ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

คุณคิดว่าปัญหา PM 2.5 ที่เชียงใหม่วิกฤตหรือยัง ?

#การตลาดวันละโพล ขอหนึ่งคำถามก่อนอ่านการตลาดวันละตอน แล้วเราจะเอาไปทำเป็น Infographic โชว์หน้าเพจให้รู้ด้วยกัน