Case Study Super App ต่อยอด ควบรวม เพื่อเติบโต
ในบทแรกถึงการวิเคราะห์กลยุทธ์ Super App Strategy ว่าการจะเป็น Super App ได้ไม่ได้เริ่มจากการปักธงว่าฉันจะเป็น Super App แต่เดย์วัน แต่เริ่มจากการทำ App ที่มีอยู่ให้ดีและตอบ Insight & Demand ที่ซ่อนอยู่ในตลาด เหมือนที่ WeChat และ Alibaba เริ่มจากการมี User มากมายและก็พบ Insight & Opportunity ที่ซ่อนอยู่ข้างใน หรือไม่ก็แค่ไม่อยากจะเสียเค้กก้อนนั้นจาก User ที่ตัวเองมีอยู่ให้คนอื่นไปก็เลยเพิ่มฟีเจอร์ความสามารถเสริมเข้าไปจน Ecosystem แข็งแรงและก็กลายเป็น Super App ในที่สุด
ในบทความแรกเราได้ทำความรู้จัก Super App แรกๆ ของโลกที่เกิดขึ้นจากประเทศจีนแล้ว ในตอนนี้เราจะไปทำความรู้จัก Super App รายอื่นๆ นอกจีนตั้งแต่ประเทศโลกตะวันออกไปยันโลกตะวันตก เพื่อให้เราได้เข้าใจบริบทหรือ Context ของ Super App เพิ่มขึ้นว่าโลกเรานั้นมีอะไรบ้างที่ถูกนับว่าเป็น Super App
Grab เองก็เป็นอีกหนึ่งแอปที่เริ่มต้นจากการเป็นแอปเรียกรถแท็กซี่ที่มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ประเทศสิงค์โปร แถมยังเป็นแอปเรียกรถแท็กซี่รวมไปถึงรถอื่นๆ ที่ใหญ่เป็นอันดับต้นๆ ในภูมิภาค South East Asia แห่งนี้
ซึ่ง Grab เป็นแอปที่สามารถขับไล่ Uber บริษัท Startup ด้านการเรียกรถแท็กซี่จากฝั่งอเมริกาให้กลับบ้านไปได้ด้วยดีลที่ไม่รู้ว่าเท่าไหร่ เรียกได้ว่าทำเอาคนในภูมิภาคนี้อึ้งไปมากมายเพราะไม่อยากจะเชื่อว่า Uber ยักษ์ใหญ่ในความคิดเราจะยอมถอนตัวออกไปจากตลาดได้
Grab มีการต่อยอด Ecosystem ภายในแอปด้วยการออก GrabPay เพื่อทำให้การใช้เงินไม่ว่าจะเรียกรถ สั่งอาหาร หรือฝากซื้อสินค้านั้นไม่ต้องปล่อยให้เงินทองภายนอกหลุดรอดไปไหน ด้วยการเข้าลงทุนในบริษัท OVO บริษัทที่เป็นแพลตฟอร์มด้านการเงินชื่อดังในประเทศอินโดนีเซียครับ
จากนั้น Grab เข้าไปร่วมลงทุนถือหุ้นในบริษัท Startup ที่เป็น FinTech ในอินโดนีเซียอีกแห่งที่ชื่อว่า Data เพื่อจะได้เอามาเสริมบริการด้านการเงินหรือ Payment ของตัวเองให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นอีกด้วย
ถ้าคุณสงสัยว่าบริษัท Startup อย่าง Grab เอาเงินมากมายจากไหนมาเที่ยวซื้อหรือลงทุนในบริษัทอื่นมากมาย นั่นก็เพราะ Grab เคยได้เงินลงทุนกว่า 2,000 ล้านดอลลาร์จาก Softbank และ Didi Chuxing (ที่เป็นแอปเรียกรถแท็กซี่ในจีนที่เอาชนะ Uber ในประเทศได้) ในการเปิดตัว GrabPay ซึ่งเป็นแบรนด์ลูกของ Grab ที่ทำหน้าที่เป็น Mobile Wallet App หรือแอปกระเป๋าเงินดิจิทัล ที่เอาไว้จับจ่ายใช้สอยทั้งภายในแอปและภายนอกแอปได้แบบ Seamless โดยไม่ต้องไปพึ่งพาคนอื่นอีกต่อไป
แต่กลยุทธ์เบื้องหลังในการต่อยอดจาก GrabPay คือ ประชากรในภูมิภาค South East Asia นี้ยังเข้าถึงบริการทางการเงินจากธนาคารได้ต่ำมาก ส่งผลให้เกิดธุรกิจเงินกู้นอกระบบมากมาย (ถ้าบ้านเราก็สังเกตตามเสาไฟ) ซึ่งเมื่อ GrabPay เข้ามาก็สามารถรู้พฤติกรรมทางการเงินได้ว่าใครมีลักษณะนิสัยการใช้เงินแบบไหน ใช้เงินกับสิ่งที่จำเป็นหรือไม่ หรือแม้แต่มีวินัยในการขยับทำมาหาเงินผ่านการขับ Grab หรือเปล่า
จาก Transaction data ที่ได้มาก็ทำให้ Grab ต่อยอดออกมาทำ Finance ตั้งแต่การปล่อยให้กู้ด้วยอัตราที่สูงกว่าธนาคารทั่วไปแต่ก็ไม่โหดเท่ากับเงินกู้นอกระบบ หรือมีเปิดให้ผ่อนสินค้าที่จะเป็นในชีวิตประจำวันกับ Grab ได้ ไม่ว่าจะทีวี เครื่องซักผ้า ตู้เย็น หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านอื่นๆ ซึ่งทั้งหมดนี้ก็คาดว่าทาง Grab เองก็ได้น่าจะได้ Deal พิเศษมาอีกทีหนึ่ง เรียกได้ว่าได้ทั้งขึ้นทั้งล่องเลยทีเดียครับ
และนี่ก็เป็นข้อมูลบางส่วนของ Grab ในการต่อยอดธุรกิจจาก Data ไปสู่ New Business ใหม่ๆ
- จับมือกับแพลตฟอร์ม TeleHealth ในจีนที่ชื่อว่า Ping An Good Doctor เพื่อให้ User สามารถเข้าถึงบริการทางการแพทย์ได้ในราคาที่ดีกว่าไปหาหมอตัวเป็นๆ
- GrabFresh เกิดขึ้นมาจากการจับมือกับ HappyFresh ในการเอาของใช้หรืออาหารสดในซูเปอร์มาร์เก็ตไปส่งลูกค้า
- เงินกู้รายย่อย ด้วยการจับมือกับบริษัทด้านการเงินเดิม ไม่ว่าจะ Credit Saison ในญี่ปุ่น หรือ Chubb ในอเมริกา
- ประกันภัยออนไลน์ แน่นอนว่าคนขับรถจำเป็นต้องมีประกันเพื่อความปลอดภัยของทั้งคนนั่งและคนขับ รวมไปถึงรถที่ใช้ขับเองด้วย Grab ก็เลยต่อยอดกับธุรกิจประกันภัยออนไลน์ต่างๆ ในแต่ละประเทศ เช่นที่จีนก็จับมือกับ Zhong An ที่ให้บริการประกันภัยออนไลน์แบบครบวงจร
และแน่นอนว่า Grab เองก็ไม่หยุดที่จะขยายธุรกิจของตัวเองออกไปแค่นี้ ทุกวันนี้พวกเขายังคงมองหา Partner ที่จะต่อยอดจาก User ที่มีมากมายว่าเราจะทำให้พวกเขาอยู่กับเรานานขึ้นได้อย่างไร ใช้เงินกับเรามากขึ้นได้อย่างไร เพราะส่วนแบ่ง % ตัวเลขอาจจะน้อยที่ได้ แต่เมื่อนำผลรวมทั้งหมดมารวมกันย่อมมากมายมหาศาลครับ
ยังไม่พูดถึงการที่ Grab น่าจะเปิด API ให้กับนักพัฒนาภายนอกได้เชื่อมต่อเข้ามายัง Platform ของ Grab ที่มีผู้ใช้มากมายมหาศาล เอาเป็นว่าเกมนี้ของ Grab ยังอีกยาวไกลมากกับเส้นทางการรักษาตำแหน่งของคำว่า Super App ให้ User ไม่หลุดออกไปแพลตฟอร์มอื่นที่กำลังจะพูดถึงในลำดับถัดไปครับ
LINE Super App No.1 ยอดนิยมในไทย
ปฏิเสธไม่ได้ว่า LINE เป็นแอปแชทยอดนิยมในไทย จนวันนี้แม้แต่เวลาใครบอกว่าจะโทรหากันส่วนใหญ่มักเข้าใจว่าโทรผ่าน LINE โดยอัตโนมัติไปแล้วครับ ซึ่งจำนวนผู้ใช้งาน LINE ในไทยเองก็ตัวเลขทะลุ 40 ล้านมาหลายปีแล้ว เอาง่ายๆ ว่าโทรศัพท์มือถือแทบทุกเครื่องวันนี้ต้องลงแอป LINE เป็นอันดับแรกเมื่อซื้อเครื่องใหม่ด้วยซ้ำ
ซึ่งจากจำนวน User ที่มีมากมายมหาศาลในประเทศที่ LINE เป็นผู้นำ (หนึ่งในนั้นคือประเทศไทย) ก็ทำให้เขาสามารถต่อยอดธุรกิจจากแอปส่งข้อความแชทคุยกันไปได้อีกมากมายดังนี้ครับ
LINE Score เป็นการเอา AI มาช่วยคิดคำนวนว่าใครคนไหนควรจะได้ Social credit Score เท่าไหร่ในระบบ ซึ่งข้อมูลดังกล่าวก็จะมาจากการใช้งานภายในแอป LINE ซึ่งถ้าใครมีคะแนนดีๆ หรือถูกประเมินว่าเป็นคนดีก็จะสามารถได้ข้อเสนอดีๆ จาก LINE ก่อนลูกค้ารายอื่นครับ
LINE Pocket Money เป็นธุรกิจที่ต่อยอดจาก Score คือมีการปล่อยสินเชื่อขนาดเล็กที่เป็น Micro-loan ผ่านแอป LINE ในบ้านเราก็คงจะเริ่มเห็นผ่าน LINE BK ที่โฆษณาว่ากู้กับไลน์ง่ายกว่ายืมเพื่อน ซึ่งตัวผมเองก็ไม่เคยกู้กับ LINE เหมือนกันครับ
LINE’s Mini App แพลตฟอร์มที่เปิดให้บริษัทหรือผู้พัฒนาอิสระจากภายนอกสามารถเข้ามาสร้าง Mini app ภายในแอป LINE ได้ เรียกได้ว่าถอดโมเดลมาจาก WeChat ก็ไม่ผิดนัก ซึ่งบริษัทหรือห้างร้านภาคธุรกิจต่างๆ สามารถเข้ามาเสริมความสามารถของ LINE OA ของตัวเองได้ง่ายขึ้นกว่าเดิมมาก จนทำให้ใครที่คิดจะสร้างแอปใหม่ของตัวเองอาจต้องคิดหนัก โดยเฉพาะกับแบรนด์ที่มีผู้ติดตามจำนวนมากใน LINE OA ของตัวเองเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
LINE Pokeo เป็นอีกบริการใหม่ที่เกิดขึ้นในประเทศญี่ปุ่นแต่ยังไม่เปิดให้บริการในไทย เป็นบริการสำหรับร้านอาหารที่เปิดให้ลูกค้าหรือผู้ติดตามสามารถกดสั่งอาหารจาก LINE ของร้านแล้วแวะไปรับสินค้าที่ร้านได้โดยไม่ต้องยืนคิวรอให้เสียเวลาครับ
ส่วนบริการอย่าง LINE MAN หรือ LINE Taxi ที่ขอไม่ลงรายละเอียดเพิ่มเติมเพราะคิดว่าคนไทยเราคุ้นเคยกันอย่างดีแล้ว เห็นไหมครับว่า LINE วันนี้กลายเป็น Super App เต็มตัวรายแรกๆ ของไทยซึ่งนอกจากจะคุยงานกับผ่าน LINE แล้วยังสามารถสั่งอาหาร เรียกรถ เรียกวินมารับเอกสารไปส่ง หรือแม้แต่กดฝาก LINE ซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อใกล้บ้านก็ยังได้ครับ
ส่วน Super App อื่นๆ ที่จะขอพูดถึงเพิ่มเติมแบบสั้นๆ ไม่ลงรายละเอียดมากเพื่อให้เพื่อนๆ ได้รู้จักเพิ่มเติมมีดังนี้ครับ
Gojek แอปเรียกรถจากประเทศอินโดนีเซียที่วันนี้กลายเป็น Unicorn เรียบร้อยแล้ว ซึ่ง Gojek นี้ก็กลายเป็นคู่แข่งรายสำคัญของ Grab มากขึ้นทุกวัน
Meituan แอปจีนที่เริ่มต้นจากการให้โปรโมชั่นส่วนลดด้านการท่องเที่ยว ที่พัก และโรงแรม มาวันนี้พวกเขาขยายออกไปกว้างมากจับแทบจะทุกธุรกิจที่ต่อยอดจากจำนวน User ที่มีมหาศาล แม้จะมีแต่ User ชาวจีนเป็นผู้ใช้ แต่ก็อย่าลืมว่าชาวจีนในวันนี้เป็นชาตินักท่องเที่ยวเบอร์หนึ่งของโลกทั้งในแง่ของปริมาณและกำลังการซื้อที่จะดูถูกดูแคลนไม่ได้เลย
Alipay แอปจ่ายเงินในเครือของ Alibaba จากจุดเริ่มต้นเพื่อจ่ายเงินจากการซื้อสินค้าใน e-commerce จนมาสู่การจ่ายได้ทุกอย่างที่ต้องการในจีนและก็ขยายออกไปหลายประเทศทั่วโลกตามที่นักท่องเที่ยวชาวจีนไปครับ
Fave แอปประเภท mobile payment ของประเทศสิงค์โปร ที่ค่อยๆ ขยายตัวออกไป acquire สองบริษัท Startup ด้าน food delivery ในประเทศ ซึ่งเป็นการกระตุ้น Ecosystem ให้ผู้ใช้เห็นความสำคัญของ Fave ในการจ่ายเงินค่าอาหารต่างๆ อย่างปฏิเสธไม่ได้ และก็ยังขยายไปสู่ธุรกิจให้กู้ยืมเงินหรือ Micro-loans เพราะในเมื่อมี Financial data แล้วการจะประเมินความน่าเชื่อถือของผู้กู้ด้วย Score ของตัวเองก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
Paytm แอปกระเป๋าเงินดิจทัลอีกรายของประเทศอินเดีย ซึ่งวันนี้ก็ขยายไปสู่การเปิดให้ User สามารถจองหรือซื้อตั๋วเครื่องบินหรือตั๋วรถไฟภายในประเทศได้ อีกทั้งยังสามารถซื้อของใช้จาก e-commerce ของตัวเองอย่าง Paytm Mall ได้เช่นกัน
PhonePe เป็น Payment ของ Flipkart เว็บ e-commerce ที่ใหญ่อันดับต้นๆ หรือน่าจะใหญ่ที่สุดในประเทศอินเดียด้วยซ้ำ ใน PhonePe มี Mini-app ยอดนิยมให้บริการข้างใน เช่น Ola แอปเรียกรถยอดนิยมของอินเดีย OYO จองโรงแรมก็ได้ ไปจนถึง MakeMyTrip บริการประเภทจองเกี่ยวกับการท่องเที่ยวของคนในอินเดียอีกด้วยครับ
Reliance Jio ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือรายใหญ่ในประเทศอินเดียเองก็ต่อยอดจากจำนวนผู้ใช้งานหรือ User มากมายหลายร้อยล้านคนด้วยการออก Super App ขึ้นมาใหม่ที่ชื่อว่า Packed ที่มีบริการมากกว่า 100 อย่างให้เลือกใช้งานในแพลตฟอร์มเดียว เมื่อประเมินจากความสามารถของการเชื่อมต่อการบริหารแบบ O2O แล้วใหญ่จนไม่แพ้ WeChat ได้ในเร็ววันครับ
ที่เล่ามาทั้งหมดจะเป็นว่าเป็น Super App ของประเทศฝั่งตะวันออกทั้งสิ้น ไม่ว่าจะจีน ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย หรืออินเดียก็ตาม ทั้งหมดนี้ล้วนเกิดจากบริบทความเป็นเอเซียหรือโลกตะวันออกที่ไม่มีตลาดยุโรปหรืออเมริกาใกล้เคียงเลยทีเดียว
แต่อย่างไรก็ตามไม่ได้หมายความว่าคำว่า Super App จะไม่มีทางเกิดขึ้นในโลกตะวันตกอย่างอเมริกาหรือยุโรปเสมอไป เพราะถ้าดูดีๆ ก็มีแพลตฟอร์มหนึ่งที่ใกล้เคียงอย่าง Google Maps ที่สามารถต่อยอดอะไรขึ้นมาหลายอย่างจากจุดเริ่มต้นของการเป็นแผนที่นำทาง จนไปสู่โฆษณาบนแผนที่ๆ มีโอกาศให้ผู้ใช้ได้เห็นก่อนร้านอื่น หรือแม้แต่การจองโรงแรมผ่าน Google Maps ก็เปิดให้บริการแล้ว(แต่ก็ไม่รู้ตัวเลขผู้ใช้ครับ)
ในบทหน้าจะพาไปรู้จัก Super App ในโลกฝั่งตะวันตกกันบ้างครับ เดี๋ยวจะหาว่าฝรั่งหัวทองเค้าไม่ทำกัน เค้าอาจจะทำกันแต่อาจจะไม่ได้เปรี้ยงหรือปังแบบฝั่งโลกตะวันออกเราเท่าไหร่
อ่านบทความที่เกี่ยวกับ Super App ตอนจบต่อ