Marketing Case Study – การเจาะ Insight พฤติกรรมกลุ่มเป้าหมายเพื่อสร้าง Awareness ของแบรนด์เครื่องดื่มชูกำลัง

Marketing Case Study – การเจาะ Insight พฤติกรรมกลุ่มเป้าหมายเพื่อสร้าง Awareness ของแบรนด์เครื่องดื่มชูกำลัง

ใครเคยเดินทางไปทำงาน​ หรือไปเรียนตอนเช้าๆ​ แล้วนอนหลับสัปหงกบนรถเมล์หรือรถไฟฟ้าบ้าง ยอมรับมาซะดีๆ บอกเลยค่ะว่าแบมเองสมัยที่ยังไม่ WFH ก็เคยเผลอหลับอยู่บ่อยๆ

ไม่ใช่แค่ที่ไทยนะคะ แต่ที่ญี่ปุ่นเขาก็เป็นเหมือนกัน ง่วงๆ แบบนี้ต้องหาตัวช่วย ซึ่งตัวเลือกแรกๆ คงจะหนีไม่พ้นกาแฟอย่างแน่นอน แต่ตัวช่วยให้กระปรี้กระเปร่าจริงๆ แล้วไม่ได้มีแค่กาแฟเท่านั้น 

ดังนั้นแบรนด์เครื่องดื่มชูกำลังของญี่ปุ่นก็เลยคิดหาวิธีในการสร้างภาพจำ แล้วเข้าไปอยู่ใน Top of mind ของผู้บริโภคด้วย แต่เขาจะใช้วิธีไหนถึงจะเข้าไปอยู่ในใจผู้บริโภคได้ มาดูกันค่ะ

หยิบ Pain Point ของคนส่วนใหญ่มาขยี้ให้ Mass กว่าเดิม

เป็นเรื่องปกติมากที่ผู้เดินทางที่ทำงานอย่างหนักในญี่ปุ่นจะผล็อยหลับไปบนระบบขนส่งสาธารณะ​ (จริงๆของไทยเราก็สัปหงก​แบบนี้ไม่ต่างกัน555)​ 

เพื่อป้องกันไม่ให้เราหลับแล้วสัปหงกเอนหัวไปซบคนข้างๆ​ Guronsan แบรนด์​เครื่องดื่มชูกำลังจากญี่ปุ่นก็เลยพัฒนาแอปพลิเคชัน​ที่มีชื่อว่า Stop Leaning Alarm ขึ้น​มา​ 

หลักการทำงานของมันก็ไม่ได้ยุ่งยากอะไร​เพียงแค่ติดตั้งแอปฯ​ และเก็บมือถือไว้ในกระเป๋าเสื้อ ถ้าหากเราผล็อยหลับไปและเอนหลังเกินองศาที่กำหนดไว้ โทรศัพท์ก็จะสั่นและปลุกให้เราตื่นในทันที

นอกจากการปลุกให้ตื่นแล้วแอปฯ​ นี้ยังประกอบด้วยฟีเจอร์​ที่น่าสนใจสำหรับคนทำงานอีกหลายฟีเจอร์​ เช่น​ ฟีเจอร์​บอกตารางรถไฟและการเตือนเพื่อปลุกให้เราตื่นก่อนที่จะถึงจุดหมายปลายทาง เรียกได้ว่ามีแล้วอุ่นใจไม่หลับเลยป้ายแน่นอน

นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชันที่ช่วยให้เราสามารถ​หลีกเลี่ยงการประชุมที่น่าเบื่อได้​ โดยการทำเหมือนว่ามีสายเข้า​ เพื่อให้เราแกล้งๆ​ ขอตัวไปรับสายเพื่อหลีกหนีจากการประชุมที่น่าเบื่อได้​ ซึ่งแอปฯ​ นี้สามารถใช้ได้ทั้งสำหรับ Android และ iOS​ เลยนะคะ​ ฟังดูแล้วบอกได้เลยค่ะว่าโดนใจสุดๆ

ซึ่งส่วนตัวแล้วแบมมองว่าแคมเปญนี้มันไปสะกิด​ Pain​ Point​ ที่มีจุดร่วมของคนจำนวนมาก​ เป็นเรื่องปกติที่ไม่ว่าใครก็ต้องเคยเจอ หรือเคยเป็น ไม่ว่าจะเป็นการหลับจนคอพับ​ หัวเอนไปซบคนข้างๆ​ นั่งหลับเพลินจนเลยป้าย​ หรืออยากออกไปพักยกจากการประชุมที่น่าเบื่อหน่าย​ นี่จึงเป็นสาเหตุว่าทำไมแคปเปญนี้ถึงทำให้คนสนใจและมีความรู้​สึกร่วมได้ง่าย

ใช้เทคโนโลยีมาเป็นตัวช่วยในการสร้างภาพจำสินค้า

ความจริงแล้ว​ Objective หลักของแคมเปญนี้คือการ​สร้าง Awareness​ ให้คนรู้จักและเกิดภาพจำต่อแบรนด์ในฐานะเครื่องดื่มชูกำลัง​ ทำให้สดชื่น​ ไม่ง่วง​ 

ซึ่งการจะสร้างภาพจำให้คนหันมานึกถึงยาชูกำลัง​ในลักษณะ​เดียวกับการดื่มกาแฟยามเช้านั้นไม่ใช่เรื่องง่าย​ แต่การนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้​เข้ามาช่วยดึงดู​ดความสนใจ​ และแก้ไข​ Pain​ Point​ ที่กลุ่มเป้าหมายเจอในชีวิตประจำวัน​ ก็เป็นเหมือนการตอกย้ำภาพจำนี้ให้ติดแน่นอยู่ในใจผู้บริโภค​ ว่าการเลือกแบรนด์​ Guronsan​ เป็นผู้ช่วยนั้นจะสามารถ​ทำให้เราเริ่มต้นวันใหม่แบบไม่พลาด​ ไม่ผิดแผนเพราะความง่วงแน่นอน​

ผลตอบรับดีถล่มทลาย​ เพราะเจาะ​ Insight​ ได้ถูกจุด

เนื่องจากก่อนจัดแคมเปญ​ ทาง​แบรนด์​ Guronsan​ ได้ทำการศึกษา​และเจาะทั้งปัญหารวมถึง​พฤติกรรม​ของกลุ่​มเป้าหมายไว้อย่างละเอียด​ เพื่อให้แคมเปญ​นี้สามารถ​ตอบ​ Objective​ ของแบรนด์​และสามารถตอบ​โจทย์​ความต้องการ​ในชีวิตประจำวัน​ของ​กลุ่ม​เป้าหมาย​ได้ในเวล​าเดียวกัน​

ซึ่งผลตอบรับดีเกินความคาดหมายมาก​ เพราะแค่ช่วง​ 6 เดือนแรกก็​มีการดาวน์โหลดแอปฯ​ ไปมากกว่า​ 200,000 ครั้ง และกลายเป็นแอปฯ​ ฟรีอันดับหนึ่งในหมวดหมู่ยูทิลิตี้ของ App Store ที่สามารถ​ทำเงินได้ประมาณ 1.5 ล้านเหรียญสหรัฐ 

นอกจากนี้​ในส่วนของ​การเข้าชมเว็บไซต์ของแบรนด์นั้นก็มี​ traffic​ เพิ่มขึ้นกว่า​ 400 % ที่สำคัญที่สุดก็คือคนเริ่มมองภาพของผลิตภัณฑ์​เครื่องดื่มชูกำลังในแง่มุมที่เปลี่ยนไป​ และเริ่มมองหาเครื่องดื่มของแบรนด์เป็นตัวเลือกในการเพิ่มความสดชื่น​ กระปรี้กระเปร่า​ในเช้าวันทำงานมากขึ้น จนทำให้ยอดขายของผลิตภัณฑ์เพิ่มขึ้นถึง​ 30% ภายใน​ 3 เดือนหลังจากเปิดตัว​แคมเปญ

แบมคิดว่านี่เป็นตัวอย่างที่น่าสนใจมากเลยนะคะในการเจาะ​ Insight​ ในแง่พฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมาย​ โดยหยิบจับเอา​ Angle​ ที่เหมาะสม​ และ​ Relevant กับ​ Objective ที่ตั้งไว้มาใช้ในการปั้นแคมเปญเพื่อกระตุ้น​ให้เกิดความเชื่อและภาพจำใหม่ๆ​ ในแบบที่แบรนด์​ต้องการ​ นักการตลาด​คนไหนจะลองหยิบวิธีนี้ไปใช้ดูก็ได้นะคะ​ รับรองว่าเวิร์ก​ชัวร์

ส่วนใครที่อยากเรียนรู้เกี่ยวกับกลยุทธ์การทำตลาดในรูปแบบอื่นๆ แบมแนะนำให้ไปอ่านเพิ่มเติมได้ ที่นี่ เลยค่ะ

ในบทความหน้าแบมจะมีอะไรมาอัปเดตอีกบ้าง สามารถติดตามได้ผ่านเพจการตลาดวันละตอน รวมถึง Twitter และ Blockdit ของการตลาดวันละตอนนะคะ

Bambinun*

Content Creator แห่งการตลาดวันละตอน ที่หลงรักการเล่าเรื่องผ่านตัวหนังสือ พอๆ กับการกินของอร่อย และใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการเป็นทาสแมว

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

คุณคิดว่าปัญหา PM 2.5 ที่เชียงใหม่วิกฤตหรือยัง ?

#การตลาดวันละโพล ขอหนึ่งคำถามก่อนอ่านการตลาดวันละตอน แล้วเราจะเอาไปทำเป็น Infographic โชว์หน้าเพจให้รู้ด้วยกัน