Data-Driven Skincare จากดาต้าสู่ครีมทาผิวดูแลหน้าแบบ Personalized

Data-Driven Skincare จากดาต้าสู่ครีมทาผิวดูแลหน้าแบบ Personalized

เทรนด์ data-driven เป็นสิ่งที่เข้าสู่ทุกหย่อมหญ้าจริงๆนะครับ เพราะไม่ใช่แค่ตลาดเทคโนโลยีเท่านั้น แต่ยังลามไปถึงกลุ่ม skin care หรือครีมบำรุงดูแลผิวแล้วในวันนี้ ทำให้ธุรกิจในกลุ่ม skincare ต้องเปลี่ยนวิธีคิดและวิธีทำใหม่ทั้งหมด ตั้งแต่การออกสินค้าใหม่ ไปจนถึงรูปแบบการหารายได้ด้วย และก็เป็นเนื้อหาของวันนี้ที่เราจะพูดถึงเทรนด์เรื่อง Data-Driven Skincare ครับ

Skincare หรือครีมบำรุงดูแลผิวทั้งหลาย แต่ไหนแต่ไรมาธุรกิจนี้อยู่ได้ด้วยการพยายามหาหนึ่งสูตรเด็ดที่สามารถดูแลผิวให้กับผู้หญิงนับล้านๆคน ปัญหาสำคัญที่ตามมาคือครีมแบบนั้นไม่มีอยู่จริง เพราะแต่ละคนก็มีสภาพผิวพรรณที่ต่างกัน ทำให้ครีมหนึ่งสูตรเด็ดนั้นทำได้แค่พอจะดูแลผิวคนละนิดคนละหน่อยเท่านั้นเองครับ

ถ้าถามว่าตลาดของสินค้าประเภท Skincare หรือครีมบำรุงดูแลผิวพรรณทั่วโลกนั้นใหญ่ขนาดไหน ก็บอกได้เลยว่าแค่ในปี 2018 ก็มีมูลค่ารวมไม่ต่ำกว่า 134,600 ล้านดอลลาร์แล้วครับ แถมยังมีสินค้าใหม่ๆออกสู่ตลาดแทบจะทุกวัน ถ้าจะบอกว่าตลาดนี้นั้น Red Ocean แล้วก็ยังน้อยไปด้วยซ้ำครับ

แต่รู้มั้ยครับว่าด้วย Data และ Digital Technology ในวันนี้ทำให้สินค้าครีมดูแลผิวทั้งหลายนั้นจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป จากเดิมที่เคยเป็นสินค้าแบบ mass กำลังกลายเป็นสินค้าแบบ me ไม่ว่าจะในรูปแบบครีมบำรุงหรือเซรั่ม ที่จะออกแบบมาเพื่อผิวของผู้หญิงแต่ละคนที่แตกต่างกัน หรือจะบอกว่าเป็นสูตรเดียวในโลกเพื่อให้ผิวของคุณดูดีและ Perfect ที่สุดตั้งแต่วันนี้ไปก็ได้ครับ

https://www.youtube.com/watch?v=Lyzo1a2EmbM

ในเดือนกรกฎาคม 2562 ที่ผ่านมา บริษัท Shiseido ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ชื่อว่า Optune เป็นผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ไม่ได้อยู่ในรูปแบบหลอด ไม่ได้อยู่ในรูปแบบกระปุก แต่อยู่ในรูปแบบเครื่องจ่ายครีมที่ดูแล้วคล้ายเหมือนที่กดเครื่องล้างมือในห้องน้ำอย่างไรอย่างนั้น

และถ้าคุณคิดว่าเจ้าเครื่อง Optune ของ Shiseido นี้น่าจะต้องราคาแพงแน่ๆ ผมบอกเลยว่าคุณคิดผิด เพราะ Optune ไม่ได้มีไว้เพื่อขาย แต่มีไว้เพื่อให้คุณสมัครสมาชิกรับครีมบำรุงผิวแบบรายเดือน ในราคาเดือนละแค่ 10,000 เยน หรือประมาณ 3,000 บาทเท่านั้นเองครับ

Data-Driven Skincare Optune Shiseido
Data-Driven Skincare Optune Shiseido

เครื่อง Optune นี้ทำงานร่วมกับแอพที่จะวิเคราะห์สภาพผิวของคุณทุกวันและทุกครั้งก่อนจะจ่ายครีมให้ โดยนอกจาก data จากผิวของคุณแล้ว Optune ยังเอาข้อมูลจากภายนอกที่เป็นสภาพแวดล้อมรอบตัวคุณมาร่วมวิเคราะห์ด้วย อย่างสภาพภูมิอากาศในวันนี้ว่าร้อนหรือหนาว ความชื้นในอากาศมีมากเท่าไหร่ มลพิษในอากาศมีมากน้อยแค่ไหน บวกกับข้อมูลการนอนหลับว่าเมื่อคืนคุณพักผ่อนมาเพียงพอมั้ย อยู่ในช่วงที่ก่อนหรือหลังมีประจำเดือนหรือเปล่า และยังเอาข้อมูลสภาพอารมณ์ของคุณมาคำนวนร่วมด้วย

จาก data ทั้งหมดที่เป็นคุณจะถูกวิเคราะห์ออกมาให้คุณได้รับครีมบำรุงสูตรพิเศษสำหรับคุณจริงๆเท่านั้น ที่จะทำให้ผิวของคุณได้รับการดูแลและบำรุงขั้นสูงสุด โดยเจ้าเครื่อง Optune นี้มีสามารถผสมออกมาได้มากกว่า 80,000 สูตรเลยทีเดียว

Shigekazu Sugiyama ประธานของ Shiseido ญี่ปุ่นกล่าวว่า Optune นี้เป็นนวัตกรรมล่าสุดเพื่อการดูแลบำรุงผิวของผู้หญิงยุคใหม่แบบสุดๆ เพราะผู้หญิงในวันนี้นั้นเต็มไปด้วยภาระหน้าที่มากมาย ทำให้ยากที่จะสามารถหาครีมบำรุงดูแลผิวที่ดีที่สุดสำหรับตัวเองเจอได้ Optune ถูกออกแบบมาให้ใช้งานง่าย และเข้ากับผู้หญิงทุกคนที่แตกต่างกัน แต่ทุกคนนั้นมีเป้าหมายเดียวกันนั่นคือ “อยากได้ผิวสวยแต่ไม่มีเวลาที่จะเฟ้นหา Skincare ที่ดีที่สุดสำหรับตัวเองได้ตลอดเวลาครับ”

ด้วยการใช้ Data และสิ่งประดิษฐ์นวัตกรรมใหม่นี้ นอกจากจะสามารถมอบ skincare เพื่อการดูแลที่ดีที่สุดแล้ว ยังจะเป็นการเปลี่ยนวิธีการทำธุรกิจที่เคยเป็นมาของอุตสาหกรรม skincare ไปอย่างสิ้นเชิงอีกด้วยครับ

Atolla – Your skin changes, your skincare should too. ผิวเปลี่ยนแล้วทำไมครีมไม่เปลี่ยน

และในช่วงฤดูร้อนในปีเดียวกันนี้ Atolla บริษัท Startup จาก MIT ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ Skincare บำรุงผิวจาก Data ของผู้ใช้เองในรูปแบบสมัครสมาชิกเช่นกัน

สมาชิกจะได้รับชุดทดสอบสภาพผิวทุกเดือน เพื่อคอยตรวจสอบว่าผิวของเรานั้นเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง โดยขั้นตอนก็ง่ายๆ แค่เอาแผนทดสอบสภาพผิวต่างๆแปะลงไปที่ใบหน้า จากนั้นผลเทสก็จะออกมาเป็นสีที่แตกต่างกัน แล้วที่คุณต้องทำก็แค่ถ่ายรูปแผ่นที่ทำการทดสอบนั้นส่งกลับไป ด้วยเทคโนโลยี Machine Learning จะสร้างครีมบำรุงดูแลผิวเพื่อคุณคนเดียวกลับมาให้ ตามการเปลี่ยนแปลงของผิวคนเราที่จะเปลี่ยนทุกเดือน หรือทุกฤดูกาลครับ

Data-Driven Skincare Atolla.co

Sid Salvi ผู้เป็น COO ของ Atolla บอกว่า ถึงเวลาแล้วที่เราต้องใช้ Data ของลูกค้าเพื่อบอกให้ลูกค้ารู้ว่าทำไมเค้าถึงต้องใช้ครีมหรือเซรั่มสูตรนี้แทนที่จะเป็นสูตรอื่น เพราะหลายครั้งครีมสูตรที่ดีที่สุดในท้องตลาด ไม่ได้หมายความครีมสูตรนั้นจะดีที่สุดสำหรับผิวเราใช่มั้ยครับ

และเรื่อง Data-Driven Skincare สุดท้ายจากรายงานฉบับนี้ เป็นของบริษัทยักษ์ใหญ่ P&G ในรูปแบบ Ventures ที่ไม่ขอพลาดตลาดใหม่นี้ ที่แม้จะยังดูมีขนาดเล็ก แต่ถึงวันนึงมันอาจเปลี่ยนตลาดทั้งหมดที่มีในวันนี้ไปก็ได้ครับ

Opté Precision Skincare – Reveal the Natural Beauty of Your Skin

Opté Precision Skincare อุปกรณ์ดูแลผิวสุดล้ำนี้เปิดตัวในงาน CES2019 โดยเจ้าอุปกรณ์นี้จะทำหน้าที่สแกนผิวบนใบหน้าคุณอย่างละเอียด จากนั้นก็จะดูและและรักษาเฉพาะจุดที่มันตรวจพบริ้วรอยเท่านั้น จนให้ผลลัพธ์เหมือนกับใช้ Photoshop ลบจุดริ้วรอยในรูปถ่ายอย่างไงอย่างงั้นเลยครับ

เพราะเจ้าอุปกรณ์ Opté Precision Skincare เมื่อจะปล่อยคอนซีลเลอร์และเซรั่มที่ไม่ใช่แค่เฉพาะผิวหน้าคุณเท่านั้น แต่ยังเฉพาะจุดที่มีความเข้มของริ้วรอยไม่เท่ากันอีกด้วยครับ เรียกได้ว่าเป็น Hyper-Personailzed Skincare ก็ว่าได้

Data-Driven Skincare Opté Precision Skincare

ที่ Opté Precision Skincare ทำได้ขนาดนี้เพราะมันมีเลนส์ที่จะสแกนผิวเราอย่างละเอียด บวกกับ Algorithm อัจฉริยะที่ถูกจดทะเบียนขึ้นเป็นทรัพย์สินทางปัญญาเพื่อป้องกันการแงะเอาไปเลียนแบบอีกด้วยครับ ทำให้อุปกรณ์ชิ้นนี้เป็นเทคโนโลยีการพิมพ์เพื่อบำรุงรักษาผิว หรือจะนิยามว่าเป็น Skincare Serum Printer แบบพกพาก็ได้ครับ

Leigh Radford ผู้เป็น VP และ GM ของ P&G Ventures สิ่งนี้เป็นจริงได้ก็ด้วยการร่วมมือกับนักวิทยาศาสตร์ และผู้เชี่ยวชาญชั้นนำในหลายๆอุตสาหกรรม จึงทำให้เกิดอุปกรณ์ดูแลผิวชั้นสูงด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลแบบเต็มตัว ที่อาจจะเป็นการปฏิวัติหรือ Disrupt ตลาด Skincare ทั้งหมดในอนาคตเลยก็เป็นได้ครับ ถ้าเจ้าเครื่องมือชิ้นนี้ไม่แพงจนเกินไปนะ

และทั้งหมดนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งของเทรนด์ Data-Driven ที่รุกเข้าไปไม่เว้นแม้แต่ตลาด Skincare ที่ดูไม่น่าจะมีความเกี่ยวข้องแม้แต่น้อย แต่เห็นมั้ยครับว่าปัญหาที่ผ่านมือคือ ทุกแบรนด์ก็พยายามสร้างครีมสูตรที่ดีที่สุดสำหรับทุกคนขึ้นมา แต่ครีมสูตรที่ดีที่สุดนั้นอาจไม่ได้เหมาะกับผิวเราที่สุดก็เท่านั้นเองครับ

เราคงจะเห็นการเปลี่ยนแปลงของตลาด Skincare ในอีกไม่นาน และคงม่พร้อมกับนวัตกรรมใหม่ๆจริงๆที่ไม่ใช่แค่ครีมหรือเซรั่มสูตรใหม่อีกต่อไป

ทั้งหมดนี้ทำให้ผมเห็นภาพอนาคตที่เริ่มชัดขึ้นอีกนิดว่า อนาคตของการตลาดอาจจะไม่จำเป็นต้องโฆษณาอะไรให้ยุ่งยากอีกต่อไป การสื่อสารอาจเป็นเรื่องไม่สำคัญ เพราะหัวใจสำคัญของการตลาดในยุคหน้าอาจจะกลายเป็นว่า แบรนด์ใดสามารถเอา Data ของลูกค้าไปใช้ให้เกิดประโยชน์ได้มากที่สุด แล้วมอบประสบการณ์ไม่ว่าจะในรูปแบบสินค้าหรือบริการที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าแต่ละคนได้

เหมือนที่ผิวคนเรานั้นไม่เหมือนกัน แต่ทุกคนล้วนต้องการให้ผิวตัวเองได้รับการดูแลที่ดีที่สุดเหมือนกัน ใครกันจะสามารถทำให้ล้านคนที่แตกต่างกันนั้นพึงพอใจที่สุดได้เหมือนกันล่ะครับ

อ่านเทรนด์เรื่อง Data-Driven ต่อ > https://www.everydaymarketing.co/?s=data+driven

Source:
https://www.jwtintelligence.com/2019/08/data-driven-skincare/
https://www.shiseidogroup.com/news/detail.html?n=00000000002712
https://atolla.co/
https://www.prnewswire.com/news-releases/pg-ventures-to-showcase-the-opte-precision-skincare-system-at-ces-2019-300772856.html

Nattapon Muangtum

เจ้าของเพจการตลาดวันละตอน / อาจารย์พิเศษวิชา Data-Driven Communication / เขียนหนังสือมาแล้ว 5 เล่ม Personalized Marketing, Data-Driven Marketing, Data Thinking, Contextual Marketing และ Social Listening / ที่ปรึกษา Data-Driven Advisor

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

คุณคิดว่าปัญหา PM 2.5 ที่เชียงใหม่วิกฤตหรือยัง ?

#การตลาดวันละโพล ขอหนึ่งคำถามก่อนอ่านการตลาดวันละตอน แล้วเราจะเอาไปทำเป็น Infographic โชว์หน้าเพจให้รู้ด้วยกัน