แบรนด์ความงาม กับการสนับสนุน Social Campaign ต่อต้านกฎหมายการห้ามทำแท้งในเท็กซัส
เกิดเป็นผู้หญิงแท้จริงนั้นแสนจะลำบากค่ะ ในแต่ละประเทศก็มีกฎหมายข้อบังคับที่แตกต่างกันไป แต่สำหรับการห้ามทำแท้งนั้นเป็นสิ่งผิดกฎหมายในเท็กซัส สิ่งเหล่านี้ทำให้ แบรนด์ความงาม และเครื่องสำอาง ได้แสดงให้เห็นถึงจุดยืนของแบรนด์ สนับสนุน Social Campaign ที่มันมีความขัดกับเสรีภาพในร่างกายของผู้หญิง และความเท่าเทียมระหว่างชายหญิง บนโซเซียลมีเดีย
กฎหมายห้ามทำแท้งในเท็กซัส
จากพระราชบัญญัติ Texas Heartbeat หรือที่เรียกว่า SB8 หรือวุฒิสภา Bill 8 มีผลบังคับใช้ โดยห้ามการทำแท้งในรัฐ เมื่อตรวจพบการเต้นของหัวใจของทารกในครรภ์ ซึ่งมักพบในสัปดาห์ที่ 6 ของการตั้งครรภ์ ข้อยกเว้นเพียงอย่างเดียวในการยุติการตั้งครรภ์คือในกรณีฉุกเฉินทางการแพทย์ โดยไม่มีข้อยกเว้นสำหรับการตั้งครรภ์อันเป็นผลมาจากการข่มขืนหรือการร่วมประเวณีระหว่างพี่น้อง
ผู้คนทั่วโลกต่างวิพากษ์วิจารณ์การตัดสินใจครั้งนี้ เนื่องจากเป็นครั้งแรกที่รัฐในสหรัฐฯ พลิกคว่ำคดี Roe v. Wade ของอเมริกาปี 1973 ซึ่งทำให้ผู้หญิงในประเทศมีสิทธิที่จะเลือกได้ว่าจะทำแท้งหรือไม่ และน่าจะเป็นกรณีหนึ่งของกฎหมาย ที่มีชื่อเสียงที่สุดของประเทศเลยก็ว่าได้ค่ะ
การสนับสนุน Social Campaign ของแบรนด์ความงาม
แบรนด์ Goop ดังกล่าวได้แชร์ภาพร่างสีน้ำของดอกไม้ในรูปของมดลูก พร้อมแหล่งข้อมูลมากมายสำหรับผู้หญิงในการติดต่อ หากผู้หญิงเหล่านั้นต้องการขอรับการดูแลและข้อมูลการทำแท้งต่างๆ เพื่อแสดงให้เห็นว่าเราอยู่ทีมผู้หญิงที่มีสิทธิทางเพศ
ในขณะเดียวกัน Benefit Cosmetics ก็ได้โพสต์ภาพร่างกายผู้หญิงที่เขียนไว้บนท้องของเธอว่า ‘Keep your law off my body’ พร้อมคำบรรยายคร่าวๆว่า ในฐานะแบรนด์ที่สร้างขึ้นจากการเสริมสร้างพลังอำนาจของผู้หญิง และในฐานะหุ้นส่วน @plannedparenthood ที่น่าภาคภูมิใจ สร้าง Engagement ได้ไม่แพ้กันเลยหละค่ะ
แบรนด์ Fempower Beauty โพสต์ภาพที่มีข้อความว่า “การตั้งครรภ์ไม่ควรทำให้ร่างกายเป็นทรัพย์สินสาธารณะ” และยังบริจาค 50% ของเงินที่ได้จากการ ซื้อลิปสติก Lilith สีแดง ให้กับกองทุน Lilith Fund (กองทุนทำแท้งที่เก่าแก่ที่สุดในเท็กซัส) แบรนด์ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว Dieux ได้โพสต์สามภาพที่แสดงความต่อต้าน โดยอธิบายว่ามันยากแค่ไหนที่ผู้หญิงจะรู้ว่าตัวเองตั้งครรภ์ภายใน 6 สัปดาห์แรกของการตั้งครรภ์
และ แบรนด์ Saie ก็ได้โพสต์เช่นเดียวกับทุกๆ แบรนด์ ว่าเขาเชื่อว่าทุกคนควรมีสิทธิ์ที่จะรู้สึกดีในร่างกายและรู้สึกมีอำนาจในการตัดสินใจเลือกสำหรับความเป็นอยู่ที่ดีของตนเองพร้อมทั้งบริจาคเงินให้กับทั้ง 5 กองทุน แต่ไม่ได้ระบุจำนวนเงินบริจาค และได้แปะข้อความในทวีตที่โพสต์โดย ACLU (สหภาพเสรีภาพพลเรือนอเมริกัน) ไว้ในโพสต์ตัวเองอีกด้วย
จากการโพสต์ภาพดังกล่าวของแบรนด์ต่างๆ บน IG ทำให้ผู้หญิงที่เป็นกลุ่มลูกค้าหรือกลุ่มเป้าหมายของเขาเข้ามาคอมเมนต์ขอบคุณ และ ขอสนับสนุนแบรนด์ต่อไปเป็นจำนวนมาก แต่ในทางกลับกัน แต่การสร้างจุดยืนในลักษณะนี้ก็มีคนที่เห็นต่างอย่างแน่นอนค่ะ อย่างเช่น คอมเมนต์ขอเลิกติดตาม เพราะมีความเห็นว่าการทำแท้งคือการฆ่าคน ก็มีเช่นกัน
ต้องบอกว่าการแสดงจุดยืนบางอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสิทธิมนุษยชน ปัญหาด้านสังคม การเมือง และอื่นๆ ต้องรู้จักกลุ่มเป้าหมายตัวเองให้ดี แม้ว่ากลุ่มเป้าหมายของเราเองว่าไม่ได้ความคิดเหมือนกันทุกคน แต่สิ่งหนึ่งที่จะวัดได้บางอย่างคือการใช้ Data ค่ะ ซึ่ง Data ในที่นี้อาจจะเป็น กระแสที่กลุ่มเป้าหมายส่วนใหญ่เห็นไปในทิศทางเดียวมากกว่าครึ่ง หรือ การฟังความคิดเห็นของกลุ่มเป้าหมายก่อนตัดสินใจ ก็จะช่วยให้การแสดงจุดยืนของแบรนด์เรามีผลลัพธ์ไปในทางบวกมากกว่าค่ะ
การเรียกร้องจากแบรนด์ความงามและเครื่องสำอาง
นอกจากนี้ แบรนด์ความงามและเครื่องสำอางเหล่านี้ อาจจะถูกมองว่าสิ่งที่ต้องการเรียกร้องหรือสร้างจุดยืน เพื่อสร้างให้เกิดความเชื่อและขับเคลื่อนพฤติกรรมของผู้คน ไม่มีความเกี่ยวข้องหรือไม่? แต่ไม่ได้ทำให้แบรนด์พวกนี้หลีกหนีจากกระแสสังคมหรือผลกระทบทางการเมืองเลย
ในปี 2020 แบรนด์ความงามมากมาย เช่น It Cosmetics / Urban Decay / Cantu / CoverGirl / Ren / Living Proof / Morphe / Tarte Cosmetics / Soko Glam / Fourth Ray / Nyx / Peach & Lily และ Maybelline เป็นหนึ่งในแบรนด์ที่บริจาคเงินให้กับองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร
ส่วน Fenty Beauty / NARS / Glam Glow / Beauty Bakerie / Uoma / Benefit Cosmetics / Ole Henriksen / Bite / Lush และ MAC ติด #BlackLivesMatters ผ่านโซเชียลมีเดีย หลังจากการเสียชีวิตของ George Floyd ชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกันในการควบคุมตัวของตำรวจ
สำหรับประเทศไทยเองปัญหาเรื่องการทำแท้ง ก็มีการเปลี่ยนอยู่หลายครั้งจากเสียงวิพากษ์วิจารณ์ จนแก้ไขใหม่มีการกฎหมายคุ้มครองทั้งแม่และเด็ก ผู้หญิงสามารถทำแท้งได้ไม่เกิน 12 สัปดาห์ และมีข้อยกเว้นเรื่องสุขภาพร่างกาย ผลมาจากการถูกกระทำทางเพศ และถ้าหากเกินกว่า 12 สัปดาห์ก็ถือว่ามีความผิดค่ะ แต่ทั้งหมดนี้ก็ต้องมาการพิจารณาจากข้อมูลต่างๆ ก่อนการตัดสินค่ะ
เป็นอย่างไรกันบ้างคะ สำหรับการแสดงจุดยืนของ แบรนด์ความงาม ผ่านการสนับสนุน Social Campaign ซึ่งแต่ละแบรนด์เปรียบเสมือนบุคคลดังนั้นการแสดงออกที่ชัดเจน จะดึงดูดกลุ่มที่มีความคิดเห็นแบบเดียวกันเข้ามา และจะผลักกลุ่มที่คิดต่างออกไป ซึ่งความคิดเห็นไม่มีถูกมีผิดหรอกนะคะ แต่จะแสดงถึงทัศนคติของแบรนด์ต่างหากค่ะ ดังนั้นนักการตลาดต้องมีความเข้าใจกลุ่มเป้าหมายเป็นอย่างดีถึงไม่ส่งผลเสียกับแบรนด์ค่ะ
สำหรับใครที่อยากอ่านบทความเกี่ยวกับการตลาดเพิ่มเติม สามารถติดตามได้จาก เพจการตลาดวันละตอน รวมไปถึงเว็บไซต์ Twitter และ Blockdit ของการตลาดวันละตอนด้วยนะคะ
