Case Study ธุรกิจ B2B ลด CPC ลงได้ 33% เพราะทำ A/B Testing ได้เร็วขึ้น 5 เท่า
ลองมาดู Case Study ของ B2B ที่ชื่อว่า DigitalOcean บริษัทที่ใช้ Data-Driven ได้อย่างรวดเร็วทันใจลูกค้า จนส่งผลให้ CPC ลดลงกว่า 33% เพราะสามารถทำ A/B Testing แล้วเก็บข้อมูลไปปรับปรุงกลยุทธ์การตลาดได้ทันใจ
ในยุคปลาเร็วกินปลาช้า ใครจะคิดว่าหมายถึงบริบทของการใช้ Data ด้วย แม้คุณจะพยายามใช้ Data-Driven มากแค่ไหน มี Data Source มากมายเท่าไหร่ แต่ถ้าใช้ Data นั้นช้าไป ผลลัพธ์ที่ได้ก็แทบไม่ต่างจากการไม่ใช้ Data เลยมากนัก
กับเครื่องมือ MarTech ที่ชื่อ Personas แยก Segments ที่ต้องการออกมาก่อนเอาไปทำ Lookalike แบบ Personalized Ads
ข้อดีของ Personas คือทำให้เรา update custom audience เพื่อเอาไปทำ lookalike ได้ม่นยำในระดับ real-time เมื่อผ่านเครื่องมืออย่าง segment ในการ integrated data จากหลายช่องทางเข้าด้วยกัน
ปัญหาที่ DigitalOcean เจอคือทำให้ดีกว่านี้ไม่ได้ เพราะติดตรงที่ต้องใช้เวลาหลายวันในการจะ integrated customer data จาก multi source เข้าด้วยกัน ส่งผลให้กว่าจะทำแคมเปญการตลาดออกไปได้ ก็ช้าเกินไป พยายามทำ personalization แค่ไหนก็ยังได้ผลลัพธ์ที่ไม่ดีกว่าที่เป็นสักที
แล้วกว่าจะเอา custom audience ที่ทำออกมายิงแอดกลับไปก็ใช้เวลาเพิ่มไปอีกหลายวัน ทั้งที่การตลาดยุคนี้แข่งกันในหลักนาทีต่อนาที จึงทำให้ที่พยายามทำมาทั้งหมดนี้แทบจะสูญเปล่า
หลังจาก DigitalOcean ได้เอา Segment มาใช้ แล้วก็เพิ่ม Personas เข้าไป ทำให้พวกเขาสามารถทำการตลาดแบบรู้ใจ Personalized Marketing ออกไปหาลูกค้า Segment ต่างๆ ได้รวดเร็วแทบจะ Real-time
ทำให้พวกเขาสามารถทำ A/B Testing ทันทีที่ได้ data มา ส่งผลให้การตลาดมีความแม่นยำขึ้นเพราะความรวดเร็วและเก็บข้อมูลกลับมาวัดผลต่อ จากเดิมต้องใช้เวลาหลายวันกว่าจะรวบรวม customer data ที่กระจัดกระจายในช่องทางต่างๆ
หรือต่างทีมที่ดูแลลูกค้า มาเป็นเชื่อมโยงกันในทันที แล้วก็ทำ analytics หา segment ได้ทันใด จบด้วยการทำ real-time marketing กลับไป ทั้งหมดนี้คือการตลาดในฝันที่นักการตลาดเรียนทฤษฏีมา แต่มีน้อยคนนักจะทำจริงได้
ผลลัพธ์ที่ได้ DigitalOcean สามารถทำ A/B Testing หรือ Experiment ได้เร็วขึ้นกว่าเดิมถึง 5 เท่า ส่งผลให้ CPC ลดลงกว่า 33% แค่ความเร็วในการทำการตลาด ความเร็วในการใช้ Data ก็สามารถชี้เป็นชี้ตายธุรกิจได้แล้ว
ซึ่งการจัด Real-time Segment ก็มาจากการกำหนด criteria ว่าต้องมี interaction อะไร touchpoint ต่างๆ ของ DigitalOcean บ้าง
ตั้งแต่การเข้าเว็บไซต์ เปิดผ่านมือถือหรือคอมพิวเตอร์ หรือเปิดอีเมลมาก่อนหรือเปล่า ทั้งหมดนี้จะถูกนำมาวิเคราะห์ประมวลผลเพื่อจัด segments ก่อนทำ personalized marketing ออกไปแบบ real-time หรือ instantly แล้วก็ตั้งสมมติฐานว่ากับลูกค้า segment แบบนี้เราควรลองทำการตลาดแบบไหน แล้วก็เก็บผลลัพธ์ที่ได้มาปรับปรุงต่อยอดให้ดีขึ้นเรื่อยๆ
เพราะดาต้ามีอายุของมัน ยิ่งนานเท่าไหร่คุณค่าก็ยิ่งลดลงตามกาลเวลาเท่านั้น ดังนั้นความสามารถในการใช้ดาต้าได้อย่างรวดเร็วที่สุดจึงกลายเป็นข้อได้เปรียบสำคัญของการทำธุรกิจวันนี้
แค่มีดาต้าไม่พอ แต่ต้องสามารถใช้และต่อยอดดาต้านั้นได้ทันท่วงทีด้วยครับ
สรุปส่งท้าย Personalized Ads ด้วย Custom Audience ผ่าน Facebook Lookalike Audience
ในยุค Third-party cookies กำลังจะหมดไป การเรียนรู้ที่จะใช้ First-party data จึงกลายเป็นทางรอดสำคัญ
แทนที่เราจะทำการตลาดด้วย Lookalike audience แบบที่ Facebook กำหนดค่าตั้งต้นมาให้ ทำไมเราไม่ลองเอา First-party data ที่มีมากำหนดกลุ่มตั้งต้นที่จะเอาไปใช้ Lookalike ใน Facebook Ads ต่อ
ไม่ว่าจะเอามาทำ RFM Model ก่อน Lookalike เพื่อทำให้การทำโฆษณาของเรานั้นมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ในบทหน้าเราจะมาเจาะลึกเรื่องนี้กันเพิ่มเติม ผ่านแบรนด์แฟชั่นค้าปลีกที่ยุโรป ว่าเขายิงแอดโดยไม่ต้องง้อ Cookies และยังสามารถเพิ่ม ROAS ได้กว่า 70% ครับ
Source: https://segment.com/customers/digitalocean-personas/
