กลยุทธ์ Concentric Diversification โต๊ะจีน MK ที่หลายคนอาจจะยังไม่รู้
กลยุทธ์ Concentric Diversification โต๊ะจีน MK ที่มีบริการมานานแล้ว แต่หลายคนอาจจะยังไม่รู้
นอกจากวลี กินอะไร กินอะไร กินอะไร ไปกินเอ็มเคแล้ว ร้านสุกี้ที่เป็นร้านโปรดของครอบครัวหลาย ๆ คน รวมทั้งของนุ่นด้วย ไม่ใช่แค่การหอบพ่อแม่ญาติผู้ใหญ่ไปทานที่ร้านหรือสั่งเป็นชุด Delivery ได้เท่านั้น แต่ทุกคนทราบไหมคะว่าเราสามารถจัดถวายเลี้ยงพระแบบเก๋ ๆ หรือจะใช้บริการโต๊ะจีนจากร้าน MK ได้ด้วย เราจะได้ทั้งอาหารที่ถูกปาก และพนักงานเสิร์ฟที่รู้งาน ระดับ MK Service นี่ไม่ต้องลุ้นเลยว่าจะเจอสตาฟหน้าบูด หรือลุ้นว่าเป็ดจะแข็งไหม ซึ่งบริการนี้เป็นบริการที่มีมานานแล้วนะคะ
บางท่านอาจจะมีความเห็นว่ามันก็แค่การเพิ่มอีก 1 Service Line ของร้านอาหารหนิ ไม่ถึงขนาดที่จะเรียกว่า Diversification ได้หรอกมั้ง แต่ส่วนตัวนุ่นคิดว่าเคสนี้สามารถเป็นตัวอย่าง และจุดประกายไอเดียให้แก่ธุรกิจเล็กใหญ่ในบ้านเราได้ลองศึกษาและเข้าใจกลยุทธ์นี้มากขึ้นนะคะ
Concentric Diversification Strategy
Concentric Diversification Strategy หรือกลยุทธ์กระจายตัว หรือก็คือวิธีการขยายกิจการจากจุดแข็งเดิม ทรัพยากรของแบรนด์ สู่ธุรกิจใหม่ หรือสิ่งที่เรามีดีอยู่แล้ว ขยายให้โลกรู้ในรูปแบบอื่น ๆ เพิ่ม
บางตำราได้อธิบาย Concentric Diversification ไว้ว่าต้องเป็นสินค้าใหม่และลูกค้าใหม่ แต่จริง ๆ เอ็มเคเค้าก็ขายสุกี้เหมือนเดิมนี่แหละค่ะ เพียงแต่จัดเซ็ตให้เหมาะกับรูปแบบใหม่ ๆ เลี้ยงพระ เลี้ยงเจ้าภาพ เลี้ยงแขกในงาน หรือจัดโต๊ะจีน ได้ทั้งลูกค้าประจำของร้าน MK และลูกค้าใหม่ที่ไม่เคยไปทานที่ร้านเลย
ซึ่งบทความนี้ก็มีต้นตอมาจากที่นุ่นเจอคลิปดังบน TikTok ที่ทำให้อยากหยิบมา Highlight เป็นตัวอย่าง Case Study หนึ่งของ กลยุทธ์ MK Restaurants ในฐานะแฟนตัวยงของแบรนด์ ที่ต้องสั่งมาทานอย่างน้อยเดือนละสองครั้งผ่าน App Delivery สีเขียวด้วยแล้วล่ะก็ รู้สึกหิวและเขียนเคสอย่างสนุกมากเลยค่ะ ใครยังไม่เคยดูคลิปก็มาดูพร้อมกันได้เลยนะ
มิติใหม่ของการเลี้ยงพระ MK มาจัดให้ถึงวัด
คลิปแรกจากผู้ใช้ TikTok คุณ @ernbeamthefoodie ที่แชร์ว่าเป็น FC ตัวยงอยู่แล้ว สั่ง MK มาเลี้ยงพระที่วัด เราไม่ต้องทำอะไรเลยค่ะ เพราะเค้าขนมาหมดทั้งอุปกรณ์ อาหาร พนักงานและการบริการ ทำให้การจัดเลี้ยงพระ 30 รูป เพราะที่บ้านมีบวชพระใหม่ค่ะ ทำให้เสิร์ฟกันแบบร้อน ๆ เพราะมาปรุงสุกให้พร้อมทานที่หน้างานเลย
ด้านราคา เริ่มต้นการจัดเลี้ยงที่ 2,600 บาทต่อโต๊ะ ส่วนเจ้าของคลิปได้สั่งมาในราคา 2699 บาท จำนวน 5 ชุด ถ้าคิดค่าบริการและอุปกรณ์จากร้านเลยนุ่นคิดว่าคุ้มเวอร์ค่ะ และคิดว่าเราสามารถเพิ่มเติมเมนู จัดแต่งตามราคาได้เองแล้วแต่งานได้ด้วยแน่นอน
ลบภาพจำที่งานจัดเลี้ยงเจ้าภาพจะต้องหัวฟูวิ่งวุ่นไปเลยค่ะ ถือเป็นการเอาสิ่งที่ร้านขายอยู่แล้วทั้งไลน์อาหารและอุปกรณ์ อาจจะต้องมีการเทรนพนักงานเพิ่มสำหรับการจัดเลี้ยงโดยเฉพาะเพิ่มขึ้นมา แต่ถือว่า กลยุทธ์ MK นี้คุ้มค่าเพราะสามารถสร้างความประทับใจให้ลูกค้าได้จริง ๆ และทำให้เกิดการใช้บริการซ้ำมากกว่า 1 ครั้งได้สำเร็จ
ทำบุญบริษัท โต๊ะจีน MK
อีกรูปแบบหนึ่งคล้ายกับเวลาเราไปทานที่ร้านเลยค่ะ เป็นโต๊ะจีน MK ที่จัดการลวกสุกี้ได้เอง แต่ไม่ต้องหอบไปที่ร้าน ให้เค้ามาบริการที่ถึงบริษัทเลย และจะเห็นว่าบรรยากาศค่อนข้างชิลมาก จัดเบา ๆ 4-5 โต๊ะภายในได้สบายเลย
สำหรับใครที่อ่านบทความนี้แล้วสนใจอยากจะลองจัดเลี้ยงสไตล์ MK บ้าง ด้วยความที่บทความนี้ไม่มีสปอนเซอร์ เขียนเพราะความหิวส่วนตัวจริง ๆ ขอแนะนำให้ทักแชทไปที่เพจหลักของ MK Restaurants และขอติดต่อฝ่าย MK Catering เพื่อขอรายละเอียดเพิ่มเติมได้เลยนะคะ
ตัวอย่างกิจการระดับโลกที่ใช้กลยุทธ์ Concentric Diversification
Amazon
Amazon ที่เริ่มต้นเป็นร้านขายหนังสือออนไลน์แต่ต่อมาได้ขยายไปสู่การขายผลิตภัณฑ์และบริการอื่น ๆ ให้ลูกค้าช้อปปิ้งอย่างจุใจ หลากหลาย จุดมุ่งหมายหลัก แน่นอนว่าเพื่อให้ลูกค้าของ Amazon ได้รับประโยชน์จากเทคโนโลยีที่มีอยู่เพื่อเข้าสู่ตลาดใหม่ เช่น การค้าออนไลน์ (e-commerce) เครื่องมือคลาวด์ (cloud computing) บริการสตรีมมิ่ง (streaming services) และแม้กระทั่งด้านสุขภาพ
Walt Disney Company
หลายคนน่าจะทราบดีว่าบริษัทที่เก่าแก่อย่าง Disney อยู่มาตั้งแต่นักวาดต้องวาดการ์ตูนทีละเฟรมเลย เพราะเค้าเริ่มต้นเป็นสตูดิโอการ์ตูนขนาดย่อมและได้ขยายกิจการไปยังอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น ภาพยนตร์ โทรทัศน์ สวนสนุก และผลิตภัณฑ์บริการต่าง ๆ โดยใช้ทรัพย์สินทางปัญญาและเอกลักษณ์แบรนด์ Disney ที่ทำให้ทั้งเด็กเล็กและผู้ใหญ่หลงไหล เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์และประสบการณ์ใหม่ๆ สำหรับลูกค้าที่เป็นแฟนตัวยงอยู่แล้ว และดึงดูดลูกค้าใหม่เข้ามานั่นเอง บอกเลยว่านุ่นเองก็เป็นแฟนดิสนี่ย์ค่ะ ถึงจะเกิดไม่ทันยุคแรก ๆ ก็เถอะ
แนะนำสำหรับนักการตลาด
เป็นอย่างไรคะกับการแตกกลยุทธ์ผ่านเคสน่ารัก ๆ ของ MK ที่มีต้นตอมาจากคลิปบน TikTok ซึ่งนอกจากแบรนด์จะได้รับประโยชน์จากความดังและความเรียลในการรีวิวสินค้าและบริการจาก Content Creator เองแล้ว สิ่งที่อยากแนะนำคือเราต้อง Monitoring การพูดถึงบนโซเชียลอยู่ตลอด ไม่ว่าจะมีกระแสมาจากแบรนด์เราเอง หรือแบรนด์คู่แข่ง ให้รีบมี Action กลับเพราะแบรนด์จะได้รับผลดีมากกว่าผลเสียค่ะ
อย่างเคส CHARLES & KEITH เปลี่ยนดราม่าให้เป็นโอกาสที่ดี แบรนด์สามารถต่อยอด Positive voice ได้จากไวรัลที่ไม่ได้ตั้งใจ ไม่ได้เสียเงินจ้าง แต่ได้รับประโยชน์ทั้งด้านภาพลักษณ์และยอดขายกลับมา ยิ่งเราเจอกระแสเร็ว ก็จะยิ่งดีค่ะ
จะผ่าน Social Listening หรือเครื่องมือ Social Monitoring อื่น ๆ ก็ได้ทั้งหมด หากแบรนด์ยังไม่มีงบประมาณส่วนนี้ก็อาจจะเริ่มที่การสร้างแอคเคาท์บนแพลตฟอร์มต่าง ๆ เพราะถ้ามีไวรัล ลูกค้าจะแท็กเรียกคุณมาเองค่ะ ลองดูน้า