DNA Journal 4 ใช้ Digital Marketing เพื่อให้เกิดภาพจำ และเป็น DNA ของตัวเอง

DNA Journal 4 ใช้ Digital Marketing เพื่อให้เกิดภาพจำ และเป็น DNA ของตัวเอง

หนังสือเล่มนี้ผมได้รับมาจาก ดร.ธีรศานต์ สหัสสพาศน์ หรือ พี่ไอซ์ ผู้ก่อตั้ง DNA by SPU (ผมขออนุญาตเรียกพี่นะครับ) ที่อุตส่าห์ส่งมาให้ผมถึงบ้าน และไม่ใช่แค่เล่มเดียว แต่ยังตั้ง…หลายเล่ม(ขอโทษทีครับที่จำไม่ได้ เพราะมันเยอะจริงๆ) ต้องขอบคุณพี่ไอซ์ไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ

หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่ดีมากๆเล่มหนึ่งในความคิดผม เพราะเป็นการสรุปเนื้อหาจากบรรดาผู้สอนที่เก่งกาจมากมายทั่วไทยที่ได้รับเชิญมาสอนในคลาส DNA by SPU ที่ย่อมาจาก Digital Network Advantage นี้

เป็นหนังสือที่อ่านแล้วมีแต่เนื้อไม่มีน้ำ แถมยังคัดประเด็นเด็ดมาให้พร้อม จนพูดตรงๆผมว่าเนื้อหาในเล่มดีมากจนถ้าผมอยากจะเอามาทยอยลงในเพจทุกวันไล่ไปให้ครบ 19 วันจากทั้งหมด 19 ตอนในเล่มเลยครับ

แต่วันนี้ผมขอเลือกหยิบมาซัก 3 ตอนที่คิดว่าถ้าไม่ได้เอามาเล่าให้คุณฟังต่อผมคงจะคันจนนอนไม่หลับ ให้คุณได้รู้ว่าคนที่ได้เรียนคอร์ส DNA นี้น่าสนใจยังไง พูดตรงๆผมก็อยากไปเรียนเลย แต่ขอเก็บเงินซักแปบก่อนนะครับ แปบซัก 3 ปีแล้วกัน เพราะเค้าว่ากันไม่มีใครแก่เกินเรียน

และ 3 ตอนที่ผมชอบมากๆก็มีเนื้อหาดังนี้ครับ

EP1 ไม่จำเป็นต้องไล่ตาม เพียงแค่สร้างสวนดอกไม้

ผู้บรรยายเรื่องนี้คือคุณอำนาจ รัตนมณี ผู้ก่อตั้งร้านหนังสือเดินทาง หนึ่งในร้านหนังสือที่ผมชอบมากๆครับ เรื่องมีอยู่ว่าการตลาดแบบเก่าบอกให้เรา “ไล่จับ” ไม่ว่าจะไล่จับกลุ่มเป้าหมาย ไล่ตามความสนใจของผู้บริโภค หรือวิ่งตามเทรนด์ต่างๆ เหมือนกับคนที่วิ่งไล่จับผีเสื้อจนเหงื่อแตกกลางแดดร้อน ต่อให้ไล่จับได้แต่ไม่นานผีเสื้อก็จะพยายามบินหนีไปเมื่อเราเผลอ

นี่คือสภาพของการตลาดส่วนใหญ่ในวันนี้ ที่ยังคงไล่จับไปเรื่อยๆ และก็สูญเสียลูกค้าไปเรื่อยๆ วนไปเป็นวงจรอุบาทว์ไม่รู้จบ ทำให้นักการตลาดและธุรกิจส่วนใหญ่ต้องถมเงินแข่งกันไป ทำให้รายเล็กรายน้อยยากจะไล่จับกับแบรนด์ใหญ่ทุนหนาได้ทัน

แต่คุณอำนาจ บอกให้เราลองเปลี่ยนมุมมองใหม่ แทนที่จะต้องไปไล่จับผีเสื้อ ทำไมไม่สร้างสวนดอกไม้ขึ้นมาให้ผีเสื้ออยากบินเข้ามาเองล่ะ

แม้ผลในระยะสั้นจะไม่หวือหวา แถมยังต้องลงทุนพรวนดินดูแลต้นไม้รดน้ำใส่ปุ๋ยแบบไม่เห็นผลทันตาเหมือนการวิ่งไล่จับ แต่พอผ่านไปซักพักพอดอกไม้เริ่มผลิบาน ผีเสื้อก็จะค่อยๆบินมาทีละตัวสองตัว จนเราไม่ต้องไล่จับให้เหนื่อย แถมต่อให้เราเผลอผีเสื้อเหล่านี้ก็ไม่บินหนีไปไหน

เรื่องนี้ทำให้ผมนึกถึงการตลาดแบบ Content Marketing ที่เป็นการสร้างคุณค่าเพื่อให้คนที่ต้องการหาได้พบเห็น แต่ปัญหาคือลูกค้าหรือแบรนด์ส่วนใหญ่มักใจร้อนเสพย์ติดกับผลลัพธ์ระยะสั้น เสมือนคนติดยาแถมยังมีผู้ปกครองชอบสปอยตามใจ และผู้ปกครองนั้นก็ไม่ใช่ใครที่ไหนไกล ถ้าไม่ใช่ผู้ใต้บังคับบัญชาก็เอเจนซี่นี่แหละครับที่มักบอกว่า “ได้รับๆ” จนทำให้ Content Marketing ส่วนใหญ่ที่ทำกันผลระยะสั้นก็ไม่ว้าว แถมผลระยะยาวก็ไม่ดี

วันนี้ถ้ามีลูกค้าเข้ามาปรึกษาผมว่าอยากทำโฆษณาซักชิ้น หรืออยากทำแคมเปญปังๆซักอันที่เปรียบเสมืองสวิงยักษ์เอาไว้ไล่จับผีเสื้อใหม่ๆ ผมจะถามกลับไปว่า “ด้วยงบที่เท่ากันคุณเอาไปสร้างสวนดอกไม้ เพื่อจะได้ไม่ต้องเหนื่อยในระยะยาวดีกว่าไหมครับ?”

EP3 Future is Now?

ผู้บรรยายคือคุณปริญญ์ พานิชภักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท หลักทรัพย์ CSLA ประเทศไทย ว่าด้วยเรื่องในยุคนี้ที่เทคโนโลยีนั้นก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว แต่กลับมี กขค 3 ประการที่ขวางกั้น

ก = กฏหมาย ภาครัฐออกกฏหมายด้วยความตั้งใจที่ดี หวังจะควบคุมกฏเกณฑ์ทุกอย่างให้เป็นไปตามระเบียบ หารู้ไม่ว่ากฏหมายมีหน้าที่อีกอย่างคือคุมกำเนิด คุมกำเนิดผู้ประกอบการรายใหม่ไม่ให้เกิดขึ้นมา

ตัวอย่างคือประเทศเกาหลีใต้ ที่ไม่กี่สิบปีก่อนยังล้าหลังกว่าเรามาก แต่พอลดกฏหมายที่ยุ่งยากออกไปทำให้เศรษฐกิจเดินหน้าจนแซงไทยเราที่เคยเจริญกว่าไปแทบไม่เห็นฝุ่นแล้วในวันนี้

ข = แข่งขัน การที่ธุรกิจจะเติบโตได้ แรงบันดาลใจที่ดีที่สุดคือการแข่งขัน เพราะไม่รู้ว่าคู่แข่งจะแซงหน้าเราเมื่อไหร่ เราเลยไม่สามารถหยุดวิ่งได้ ถ้าการแข่งขันเอื้อประโยชน์ต่อบางกลุ่ม ถ้ากฏกติกาไม่เท่าเทียม มีแต้มต่อให้ผู้แข่งขันบางคน ใครล่ะอยากจะมาแข่งขัน

ค = คน เพราะเทคโนโลยีถูกใช้งานโดยคน ดังนั้นสิ่งที่ควรพัฒนาหาใช่เทคโนโลยีไม่ แต่เป็นความคิดของคนที่เป็นเจ้านายของเทคโนโลยีเหล่านั้น เพราะนักกีฬาชั้นยอดต่อให้ใช้อุปกรณ์ที่ไม่มีคุณภาพ ก็ยังมีฝีมือจัดจ้านอยู่ดี

เพราะเทคโนโลยีไม่ได้กำหนดอนาคต แต่คนต่างหากที่เป็นผู้กำหนด อยู่ที่เราแล้วว่าจะกำหนดอนาคตอย่างไร

EP7 หวงคือไล่…ให้คือมี

ผู้บรรยายคือคุณอรรถวิท ปัญญาภิญโญผล ผู้ก่อตั้ง B.A.S. Academy

การตลาดวันนี้แปลกนะครับ ยิ่งให้ความรู้คนก่อนซื้อเยอะๆคนยิ่งอยากได้ แต่เดิมธุรกิจส่วนใหญ่พยายามหวงแหนความรู้ไว้กับคนมากที่สุด

แต่ในวันที่ความรู้ไม่ใช่ของหายาก และสินค้าหรือบริการที่ทดแทนกันก็มีให้เลือกมากมายไม่รู้จบ เอาแค่ว่าถ้าเราหิวน้ำขึ้นมา เราเดินเข้าร้านสะดวกซื้อใกล้บ้านเต็มไปด้วยหลายสิบจนถึงร้อยแบรนด์ให้เลือกจนเลือกไม่ถูกแล้ว

ดังนั้นถ้าคุณเป็นครูสอนชีวะ ก็อธิบายให้ผู้ฟังได้เห็นว่า ตับ ไต ใส้ พุง ทำงานกันอย่างไร?
ถ้าท่านขายถังดับเพลิน ก็แจกแจงให้ฟังว่าอุปกรณ์อะไรในบ้านที่จะทำให้เกิดเพลิงไหม้ได้
ถ้าท่านเป็นร้านขายโทรศัพท์มือถือ ท่านก็ต้องรู้จักรีวิวข้อดีข้อเสียของโทรศัพท์แต่ละรุ่นอย่างจริงใจ

มูลค่ามาจากการสร้างคุณค่า อย่ามัวแต่มองหามูลค่าจนไม่คิดจะสร้างคุณค่าใดๆให้ว่าที่ลูกค้าเลย

สุดท้ายนี้ขอแถมให้อีกบทแล้วกันครับ บทนี้ผมชอบมากไม่แพ้กัน

EP18 ถ้าจะเดินขึ้นภูเขา…อย่ากลัวว่าจะโดนย่ำรอยเท้า

ผู้บรรยายคือคุณวรวุฒิ อุ่นใจ CEO บริษัท COL จำกัด (มหาชน)

ว่าด้วยเรื่องของการทำธุรกิจสมัยนี้อย่ากลัวว่าจะโดนเลียนแบบ เพราะนวัตกรรมทางความคิดมันสามารถเลียนแบบกันได้ไม่ยาก เหมือนอย่างที่ Walt Disney พากองทัพนักข่าวไปสำรวจสวนสนุก Disney Land ของเค้าทุกซอกทุกมุมในวันเปิดวันแรก พร้อมกับอธิบายโดยละเอียดว่าเจ้าเครื่องเล่านี้มันจะทำให้คุณสนุกได้อย่างไร จะมีตัวอะไรโผล่มาตอนไหน หรือจะมีอะไรมาเซอร์ไพรส์เมื่อไหร่

นักข่าวคนหนึ่งที่สงสัยขึ้นมาถามว่า “คุณเล่าทุกอย่างให้ฟังแบบนี้ไม่กลัวพวกผมเอาไปเขียนแล้วความลับลั่วไหลหรอ?”

Walt Disney ผู้นี้กลับตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “ก็ให้เขาทำไป และเราจะทำให้ดีกว่าเขา”

คำตอบของเขาสะท้อนสัจธรรมและแนวคิดของผู้นำว่า “อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด แต่เราจะมุ่งมั่นพัฒนาและก้าวไปข้างหน้าจนสำเร็จ”

เรื่องนี้ทำให้ผมนึกถึงแก่นแนวคิดของคำว่า “Strategy” เพราะแก่นของคำนี้คือการที่ธุรกิจจะต้องทำทุกส่วนทุกอย่างให้สอดกล้องกับ Strategy ที่ตั้งไว้ เพื่อให้กลายเป็นความได้เปรียบในระยะยาวในที่สุด

แล้วการที่คู่แข่งจะมาลอกเลียนแบบนั้นก็ยากจะทำได้ เพราะการจะเลียนแบบบางอย่างนั้นทำได้ง่าย แต่การจะเลียนแบบทุกอย่างขั้นตอนของธุรกิจนั้นแทบจะไม่มีทางทำได้

ถ้าให้เปรียบง่ายๆเหมือนตัวเลข ก็เหมือนกับเอา 1 x 1 x 1 x 1 x 1 = 1 แต่ถ้าจะใครมาเลียนแบบทำได้อย่างดีก็แค่ 0.9 x 0.9 x 0.9 x 0.9 x 0.9 = 0.59049 เองครับ

ดังนั้น Strategy ที่ถูกต้องคือการกำหนดทิศทางที่เราจะไป แล้วทุกฝ่ายในองค์กรต้องทำไปในทิศทางนั้น แล้วธุรกิจก็จะไปถึงจุดเป้าหมายที่ตั้งใจในที่สุดครับ

DNA by SPU

สรุปได้ว่าหนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่ดีมาก และการที่เนื้อหาจากหนังสือจะดีได้ก็ต้องมาจากคอร์สที่ดีด้วยครับ #DNAjournal4 เล่มนี้เป็นการรบรวมและสรุปเนื้อหาจากผู้บรรยายมากมายที่ผู้เรียนคอร์ส Digital Network Advantage จะได้รับ แถมเค้ามีแฮชแทกที่น่าสนใจกำกับว่า #เรียนจริงๆไม่มีปาร์ตี้ บอกตรงๆอิจฉาคนที่ได้เรียนครับ

สุดท้ายนี้ขอขอบคุณพี่ไอซ์ ดร.ธีรศานต์ สหัสสพาศน์ ด้วยครับที่ส่งหนังสือดีๆมาให้อ่าน แถมยังเอามาเผื่อให้หลายเล่มสำหรับให้ผมแจกแฟนเพจอีก ขอบคุณ DNA Digital Network Advantage ครับ

สำหรับคนที่สนใจคอร์ส DNA by SPU เชิญต่อที่ http://www.dnabyspu.com/dna-journal เลยครับ

Nattapon Muangtum

เจ้าของเพจการตลาดวันละตอน / อาจารย์พิเศษวิชา Data-Driven Communication / เขียนหนังสือมาแล้ว 5 เล่ม Personalized Marketing, Data-Driven Marketing, Data Thinking, Contextual Marketing และ Social Listening / ที่ปรึกษา Data-Driven Advisor

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

ใช้ Social Listening บ้างไม่ ?

#การตลาดวันละโพล ขอหนึ่งคำถาม ว่าปกติใช้ Social Listening บ้างหรือไม่ แล้วถ้าใช้ ใช้ตัวไหนอยู่