20 หนังสือการตลาดแนะนำรับปี 2021 ที่นักการตลาดต้องอ่าน และ SME ต้องรู้ ต่อ

20 หนังสือการตลาดแนะนำรับปี 2021 ที่นักการตลาดต้องอ่าน และ SME ต้องรู้ ต่อ

บทความแนะนำหนังสือการตลาด 2021 และหนังสือธุรกิจ สำหรับนักการตลาด ผู้บริหาร เจ้าของธุรกิจ และ SME ตอนที่ 2 ต่อจากตอนแรกที่แนะนำไปแล้วสิบเล่มแล้วเกิดง่วงนอนเลยขอพักก่อนเอามาต่ออีกตอนในเช้าวันถัดมา

หนังสือทั้ง 20 เล่มที่ผมเลือกมาแนะนำไม่ได้เลือกจากความใหม่ แต่เลือกจากความน่าสนใจ เลือกจากที่เนื้อหาเป็นแก่นที่ไม่มีเก่า จะผ่านไปกี่ปีก็ยังหยิบมาอ่านซ้ำได้ และเป็นรายชื่อหนังสือที่ผมอยากจะหาเวลาหยิบมาอ่านซ้ำทุกปีถ้าเป็นไปได้ ถ้าใครยังไม่ได้อ่านตอนแรกถึงรายชื่อหนังสือการตลาดแนะนำ 2021 สิบเล่มแรกก็ย้อนกลับไปอ่านก่อนได้ แต่ถ้าใครอ่านแล้วอยากจะรู้ว่าอีก 10 เล่มที่เหลือมีอะไรบ้างที่ควรหามาอ่านในปีนี้ก็เริ่มกันต่อเลยครับ

11. Driving Digital Strategy เปลี่ยนให้โต GO! ให้สุด ด้วยกลยุทธ์ดิจิทัล

สรุปหนังสือ Driving Digital Strategy เปลี่ยนให้โต Go ให้สุด ด้วยกลยุทธ์ดิจิทัล

หนังสือเล่มนี้ไม่ได้พูดถึงแค่การทำ Digital Marketing แต่ยังอธิบายเรื่อง Digital Transformation ได้อย่างเข้าใจง่ายแถมยังเข้าใจแก่นของการทำ Digital Transformation อีกด้วยครับ

เต็มไปด้วย Case study ดีๆ ขององค์กรระดับโลกมากมายที่ปรับ Business Strategy ให้เน้นไปที่การทำ Digital Transformation ไม่ว่าจะ GE หรืออีกหลายบริษัทที่ยกมาเล่าเท่าไหร่ก็คงไม่จบง่ายๆ

หนังสือเล่มนี้ผมเคย LIVE สรุปไว้ก่อนหน้านี้ใน YouTube เอาเป็นว่านี่นับเป็นคัมภีร์สำคัญของผมที่ผมรู้สึกว่า “รู้งี้น่าจะอ่านตั้งแต่ตอนออกวางขายวันแรก!”

ใครมีติดบ้านให้รีบหยิบมาอ่าน ถ้าใครยังไม่มีให้รีบขับรถออกไปหาซื้อเล่มนี้ทันทีครับ เพราะมันดีจริงๆ!

อ่านสรุปหนังสือ Driving Digital Strategy เปลี่ยนให้โต GO! ให้สุด ด้วยกลยุทธ์ > https://www.summaread.net/business/driving-digital-strategy-sunil-gupta/

12. Predictably Irrational พฤติกรรมพยากรณ์

สรุปหนังสือ Predictably Irrational พฤติกรรมพยากรณ์

หนังสือเล่มนี้นับเป็นที่สุดของที่สุดสำหรับนักการตลาดและคนทำธุรกิจทุกยุคสมัย ด้วยการที่ผู้เขียนเป็นนักวิจัยที่เอาหลักการต่างๆ มาทดสอบแล้วให้ข้อสรุปที่สามารถนำไปต่อยอดกับการทำการตลาดได้ง่ายๆ

ตั้งแต่หลักการตั้งราคาว่าทำอย่างไรให้คนอยากซื้อแพงขึ้น หรือการค้นพบว่ามนุษย์เรานั้นต้องการตัวเปรียบเทียบอยู่เสมอ ดังนั้นถ้าอยากให้คนเลือกตัวเลือกที่เราต้องการก็แค่สร้างตัวเปรียบเทียบขึ้นมาให้เขารู้สึกว่าสิ่งนี้คุ้มกว่าสิ่งนั้น หรือถ้าไม่เลือกก็โง่แล้ว

หนังสือเล่มนี้ทำให้เข้าใจว่าแท้จริงแล้วมนุษย์เราไม่ได้ใช้เหตุผลในการคิดอย่างถี่ถ้วนกับทุกเรื่องเป็นประจำ ดังนั้นใครที่เข้าใจหลักการนี้ได้ก่อนแล้วรีบเอาไปประยุกต์ใช้ พร้อมกันเตือนสติตัวเองได้บ่อยกว่า ก็จะกลายเป็นผู้ชนะในเกมสังคมมนุษย์ที่เราทุกคนเป็นผู้เล่นอยู่ทุกวันครับ

หนังสือเล่มนี้เป็นอีกเล่มที่ผมบังคับให้ลูกน้องทุกคนที่ทำงานกับผมต้องอ่าน เพราะเมื่ออ่านจบแล้วจะเก่งขึ้นกว่าเดิมมากจนผมสบายขึ้นอีกเยอะมากเช่นกัน

อ่านสรุปหนังสือ Predictably Irrational พฤติกรรมพยากรณ์ > https://www.summaread.net/behaviour-economics/%e0%b8%aa%e0%b8%a3%e0%b8%b8%e0%b8%9b%e0%b8%ab%e0%b8%99%e0%b8%b1%e0%b8%87%e0%b8%aa%e0%b8%b7%e0%b8%ad-predictably-irrational-%e0%b8%9e%e0%b8%a4%e0%b8%95%e0%b8%b4%e0%b8%81%e0%b8%a3%e0%b8%a3%e0%b8%a1/

13. This is Marketing สร้างแบรนด์ให้ยิ่งใหญ่ ไม่จำเป็นต้องเอาใจทุกคน

สรุปหนังสือ This is Marketing Seth Godin

หนังสือเล่มนี้ก็เป็นอีกเล่มที่นักการตลาดต้องอ่านในปี 2021 ต่อให้เคยอ่านแล้วก็ต้องกลับมาอ่านซ้ำอีกครั้ง เพราะคำว่าการตลาดหรือ Marketing และ Branding ที่หลายคนชอบพูดกันแล้วเต็มไปด้วยศัพท์แสงมากมาย แท้จริงแล้วแก่นของมันนั้นเรียบง่าย ซึ่งประโยคหนึ่งที่ผมชอบมากที่สุดของหนังสือเล่มนี้คือ

อย่าพยายามเป็นแบรนด์ที่เอาใจทุกคน เพราะสุดท้ายแล้วจะไม่มีใครสนใจคุณเลย

ประโยคนี้เป็นแก่นของการทำเรื่อง Branding ที่ดีมาก ตรงที่ว่าเราต้องมี Brand Stand For ที่ชัดเจนว่าตกลงเราจะเป็นอะไร เพื่อใคร และเป็นไปทำไม

นักการตลาดหลายคนพยายามจับลูกค้าให้ได้ทุกกลุ่ม หลายธุรกิจพยายามบอกว่าทุกคนบนโลกสามารถเป็นลูกค้าเราได้

แต่นั่นคือความผิดพลาดครั้งใหญ่เพราะเท่ากับว่าคุณจะเสียโฟกัสและทรัพยากรออกไปโดยแทบจะไม่ได้อะไรกลับมา

ถ้าคุณไม่ได้มีเงินถุงเงินถังในการเผาทิ้งทุกวันเหมือน Startup ระดับ Unicorn กลับมาโฟกัสให้ชัดเจนเถอะครับว่าตกลงคุณต้องการใครกันแน่ แล้วใครกันแน่คือกลุ่มคนที่จะขาดคุณไม่ได้ยิ่งกว่าคุณขาดเขาไปด้วยซ้ำ

ถ้าอยากเข้าใจเรื่อง Branding และ Marketing ให้ถึงแก่นต้องหนังสือ This is Marketing เล่มนี้เลยครับ

อ่านสรุปหนังสือ This is Marketing สร้างแบรนด์ให้ยิ่งใหญ่ ไม่จำเป็นต้องเอาใจทุกคน > https://www.summaread.net/marketing/this-is-marketing-seth-godin/

14. ฆ่าไม่ได้ ตายไม่เป็น

สรุปหนังสือ ฆ่าไม่ได้ ตายไม่เป็น

หนังสือเล่มนี้แม้หน้าปกอาจจะดูน่ามองข้าม แต่บอกได้เลยว่าเนื้อหาข้างในนั้นเข้มข้นมากเพราะเต็มไปด้วยเรื่องราวของบริษัทยักษ์ใหญ่มากมายที่สามารถ Transformation ตัวเองได้จากการถูก Disrupt แล้วก็รอดมาได้หรือไม่ก็เกิดใหม่อีกครั้งที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม

ตัวอย่างหนึ่งที่น้อยคนจะรู้จักก็คือบริษัท Nvidia

Nvidia เองก็เป็นอีกหนึ่งบริษัทผลิตชิปประมวลผลภาพกราฟิก หรือที่เรียกกันย่อๆว่า GPU ที่สามารถเติบใหญ่ได้ท่ามกลางคู่แข่งมากมายที่ล้มหายตายจากไปจนเกือบหมด

เพราะ Nvidia รู้จักโฟกัสกับกลยุทธ์และเป้าหมายของตัวเองจนสามารถผ่านการ Disrupt มาได้อย่างยาวนาน รู้ว่าตัวเองเชี่ยวชาญเรื่องการประมวลผลภาพและสะสมความเชี่ยวชาญมาเรื่อยๆ จนวันนี้ Nvidia สามารถสร้างมาตรฐานการประมวลผลภาพของตลาดขึ้นมาได้ กลายเป็นเจ้าของเกมผู้สร้างกฏให้คนอื่นต้องเดินตาม

และยิ่งอนาคตของ Nvidia ดูท่าจะไปได้ด้วย เพราะในยุค Big Data ที่ต้องการการประมวลผลภาพที่สูงมากขึ้นแบบเท่าทวีคูณ เพราะรถที่วิ่งเองได้ หรืออุปกรณ์ต่างๆรอบตัวที่ต้องประมวลผลภาพเพื่อทำความเข้าใจและตีความ ล้วนต้องพึ่งพาความสามารถของ Nvidia ทั้งนั้น

เอาเป็นว่าไม่อยากพิมพ์มากให้เมื่อนิ้ว เข้าไปอ่านสรุปต่อเต็มๆ แล้วรีบหาสั่งซื้อทางออนไลน์เอาไว้อ่านในปี 2021 นี้เลยดีกว่าครับ

อ่านสรุปหนังสือการตลาดแนะนำ 2021 ฆ่าไม่ได้ ตายไม่เป็น > คลิ๊ก

15. Blue Ocean Strategy กลยุทธ์น่านน้ำสีคราม

Blue Ocean Strategy

หลักการ Blue Ocean Strategy นี้แทบจะเป็นหนึ่งในแก่นของการทำงานของผมตลอดมาตั้งแต่ได้อ่านหนังสือเล่มนี้จบเลย ซึ่งทำให้ผมได้คิดถึงมุมมองใหม่ๆ ต่อสินค้าหรือบริการเดิมๆ ของลูกค้าที่เข้ามาปรึกษาว่าจะทำอย่างไรดีถึงจะเพิ่มยอดขายออกไปได้

หลายครั้งเรามัวแต่คิดว่าจะต้องสร้างสิ่งใหม่ขึ้นมา หา Innovation ใหม่ๆ ถึงจะสามารถเติบโตเอาชนะคู่แข่งในตลาดได้ แต่หลักการ Blue Ocean Strategy ไม่ใช่แบบนั้น เพราะเค้าจะขยายกรอบความคิดให้คุณมองหากลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ที่คุณเคยมองข้าม ไปจนถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ที่น่าจะเป็นลูกค้าของคุณได้แต่คุณเองไม่เคยคิดถึงพวกเขามาก่อน

หลักการนี้ผมเอาไปประยุกต์ใช้ในการทำ Data ทั้งกับการใช้ Google Trends หรือ Social listening ในการทำ Research & Strategy อยู่เป็นประจำ

นี่เป็นหนังสือที่แนะนำให้นักการตลาดทุกคนต้องอ่าน ผู้บริหารทุกคนต้องรู้ โดยเฉพาะธุรกิจ SME ที่อยากจะหาโอกาสใหม่ๆ ในการขาย จากสินค้าหรือบริการเดิมที่มีให้ได้มากที่สุดครับ

อ่านสรุปหนังสือ Blue Ocean Strategy กลยุทธ์น่านน้ำสีคราม > https://www.summaread.net/business/blue-ocean-strategy/

16. ธุรกิจพอดีคำ – 8 บรรทัดครึ่ง

ในบทความ 20 หนังสือการตลาดแนะนำประจำปี 2021 ผมแนะนำหนังสือชุดฟาสต์ฟู้ดธุรกิจของพี่ตุ้ม หนุ่ม เมืองจันท์ ให้ทุกคนได้อ่านทุกเล่ม ดังนั้นในบทความตอนที่สองนี้ผมขอแนะนำหนังสืออีกหนึ่งชุดที่ผมอ่านและเฝ้าติดตามทุกเล่ม นั่นก็คือ ธุรกิจ พอดีคำ ของคุณต้อง กวีวุฒ เจ้าของเพจ 8 บรรทัดครึ่ง ที่ครั้งหนึ่งผมเคยมีโอกาสได้ไปร่วมคลาสสอนเรื่อง Data-Driven Marketing กับคุณต้องเหมือนกัน

หนังสือชุดนี้เต็มไปด้วยเรื่องเล่าทางธุรกิจมากมาย หรือบางเรื่องก็ไม่ใช่เรื่องเล่าทางธุรกิจตรงๆ แต่ก็มีแง่คิดที่เอาไปประยุกต์ใช้กับธุรกิจและวิธีทำการตลาดของเราได้ไม่ยาก

ซึ่งเรื่องพวกนี้สำคัญมากนะครับเวลาเราต้องการไอเดียขึ้นมา เพราะยิ่งเรามีวัตถุดิบทางความคิดในหัวไว้มากเท่าไหร่ เราก็ยิ่งสามารถหาทางออกใหม่ๆ ให้กับปัญหาตรงหน้าได้เร็วมากเท่านั้น

อ่านสรุปหนังสือเล่มนี้ > https://www.summaread.net/marketing/business-fit-2/

17. Youtility การตลาดที่ดีเริ่มต้นที่การให้

ถ้าอยากเข้าใจเรื่อง Content marketing ให้ถึงแก่น ผมแนะนำให้คุณต้องอ่านหนังสือ Youtility เล่มนี้เลยครับ เพราะหนังสือเล่มนี้จะทำให้เราเข้าใจแก่นของการทำคอนเทนต์มาร์เก็ตติ้ง ว่าจริงๆ แล้วมันคือการที่เราให้ความรู้ออกไปให้มากที่สุดจนผู้คนยอมรับ

จากนั้นเราก็ค่อยเสนอสินค้าหรือบริการที่เรามีในฐานะที่เราเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านนั้น

ผมนำเอาหลักการนี้มาประยุกต์ใช้กับลูกค้าทุกรายที่มาขอคำปรึกษาเรื่องการทำ Marketing และ Content Marketing อยู่เป็นประจำ

คุณต้องมองว่าตัวเองเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านนั้น แล้วเราก็แค่บังเอิญมีสินค้าหรือบริการนั้นมาช่วยทำให้คนเก่งขึ้นได้เหมือนเรา

ผมยังใช้หนังสือเล่มนี้เป็นหนึ่งในหลักการของคลาสเรียนเรื่อง 3C Strategy How to become Content Creator ที่เริ่มจัดเป็นครั้งแรกในปี 2021 นี้ ใครที่อยากเป็น Content Creator ควรอ่านหนังสือเล่มนี้ แต่ถ้าอยากได้ Workshop ดีๆ ก็เข้ามาดูรอบเรียนที่เปิดได้ครับ (ขอขายของหน่อยนะ) > ดูรายละเอียด

อ่านสรุปหนังสือ > Youtility การตลาดที่ดีเริ่มต้นที่การให้

18. ขายเนื้อให้เหมือนหลุยส์วิตตอง

หนังสือเล่มนี้ว่าด้วยเรื่องการทำการตลาดแบบ high-end ว่าทำอย่างไรที่จะเปลี่ยนจาก low-end ให้กลายเป็น high-end หรือทำอย่างไรที่จะรักษาความ high-end ไว้ให้ได้นานเท่านาน จากหลายสิบจนอาจจะถึงร้อยเคสในเล่มที่ดีมากและไม่เคยรู้มาก่อน หรืออาจบอกได้ว่าหนังสือเล่มนี้เปิดโลกความลับของหลายแบรนด์ให้ผมได้รู้

การตลาดแบบ high-end มีใจความสำคัญอยู่ตรงที่ไม่ใช่การทำตลาดเพื่อ “ขาย” แต่เป็นการทำการตลาดเพื่อ “ทำให้ซื้อ”

ฟังดูง่ายแต่น้อยคนน้อยแบรนด์จริงๆที่จะทำได้จริงมั้ยครับ ถ้าอย่างนั้นผมขอหยิบหน้าสุดท้ายของหนังสือเล่มนี้มาเกริ่นเล่า เพราะผมว่าหน้าสุดท้ายของเล่ม #ขายเนื้อให้เหมือนหลุยส์วิตตอง เป็นอะไรที่ดีมาก

ผู้เขียนเล่าว่า เวลาที่พูดคุยเรื่องไฮเอนด์ คำถามที่มักได้รับอยู่เป็นประจำคือ “High-end เป็นแบรนด์เนมหรือเปล่า” คำถามนี้เป็นคำถามแรกที่ได้ถามไว้ในตอนเริ่มต้นของหนังสือ ถ้ากล่าวโดยสรุปก็คือ แบรนด์เนมคือ high-end แต่ high-end เป็นแนวคิดที่กว้างกว่าแบรนด์เนม

คอนเซ็ปต์ของแบรนด์เนมอันที่จริงไม่น่าพิสมัยนัก เพราะคนส่วนใหญ่คิดว่าต้องเป็นสินค้าราคาแพง และคนรวยเท่านั้นที่จะสามารถจับจ่ายของแบรนด์เนมได้ แต่ความจริงแล้วแบรนด์เนมไม่ได้ติดอยู่กับคอนเซ็ปต์ที่เป็นสินค้าฟุ่มเฟือย เพราะก่อนหน้าเราเรียกทุกอย่างที่คนธรรมดาเข้าถึงได้ในวันนี้ว่าสินค้าฟุ่มเฟือยทั้งนั้น

ไม่ว่าจะเป็นการขึ้นเครื่องบิน การนั่งรถไฟ ผลไม้ เค้ก สูท หรือรถยนต์ ล้วนแต่เป็นของฟุ่มเฟือยเมื่อไม่กี่สิบปีก่อน แต่ทุกวันนี้ของเหล่านี้คือเรื่องที่ใครๆก็เข้าถึงได้ และสุดท้ายแล้วแบรนด์เนมไม่ใช่ high-end

แต่เป็น “กระบวนการ” เพื่อสร้างคุณสมบัติที่สูง มุ่งเน้นที่มนุษย์เป็นสำคัญ และมีความสวยงาม

High-end คือการก้าวล้ำไปข้างหน้าอีกก้าวจากทุกสิ่งที่อยู่รอบตัวเรา และสิ่งที่เราถูกเปรียบเทียบซึ่งแบ่งแยกเรากับเขานั่นเอง

นี่คือส่วนหนึ่งของหน้าสุดท้ายในเล่มที่สามารถสรุปเนื้อหาในเล่มได้ดีมาก จนผมถึงขั้นคิดว่าถ้าเปิดหน้าสุดท้ายอ่านก่อนก็คงจะดีก่อนจะเริ่มอ่านทั้งเล่ม ดังนั้นถ้าใครยังไม่ได้อ่านเล่มนี้ ผมแนะนำให้อ่านจากหน้าสุดท้ายก่อนจริงๆครับ

ถ้าอยากอ่านสรุปหนังสือ ขายเนื้อให้เหมือนหลุยส์วิตตอง ต่อเชิญตามลิงก์ไปได้เลยครับ > https://www.summaread.net/marketing/sell-beef-like-louis-vuitton/

19. Contagious ธรรมดาแต่ดังมาก

สรุปหนังสือ Contagious Jonah Berger

Contagious ธรรมดาแต่ดังมาก หน้าปกเค้าบอกว่า..ยิงให้ตรงจุด แล้วคนจะหยุดพูดถึงคุณไม่ได้ ด้วยเคล็ดลับจากหลักสูตรการตลาดยอดนิยมของ Wharton School

คนการตลาดหรือคนโฆษณาส่วนใหญ่ แม้กระทั่งเจ้าของแบรนด์หรือร้านอาหารเล็กๆต่างก็พยายามหาทางคิดจนหัวแตกว่า ทำยังไงสินค้าหรือบริการเราจะขายดีติดตลาด กลายเป็นคำพูดติดปากของใครๆเหมือนเค้าบ้างนะ

แล้วเค้าที่ว่าน่ะเค้าไหน? ก็เค้าที่เป็นเคสดังๆ word of mouth หรือ viral ดังๆกระหึ่มทั่วบ้านทั่วเมืองนั่นไงล่ะ ถ้าคนพูดถึงเค้ากันมากขนาดนั้นยอดขายมันก็ต้องพุ่งขึ้นเอาๆบ้างหละน่า..

เหรอครับ? ไวรัลไฟลามทุ่งหรือ wom ช่วยให้ขายดีได้ด้วยหรอครับ? ถ้างั้นผมต้องถามว่าคุณวัดมันจากอะไรล่ะ?

ไวรัลอาจเป็นกระแสแค่ชั่วข้ามคืน 2-3 วัน ที่ทำให้ทุกคนพูดถึงพร้อมกัน แต่แล้ววันที่ 4 ก็หายไป เพราะเดี๋ยวก็มีคลิปใหม่ๆไวรัลดังๆมาถล่มทับของเก่าไปเรื่อยๆ เผลอแปบเดียวตดยังไม่ทันหายเหม็นคนก็ลืมไวรัล 10 ล้านวิวของคุณไปแล้วล่ะเชื่อซิ

แต่ word of mouth นี่ซิครับยั่งยืนกว่าเยอะเลย แม้มันจะไม่ได้เป็นไวรัลเปรี้ยงป้างอะไรมากนักเหมือนไวรัล แต่มันก็ทำให้คนพูดถึงมันได้ไปอีกนานไม่ว่าจะเป็นสินค้าหรือแบรนด์อะไรก็ตาม

ถ้าอยากรู้ว่าจะสร้าง Viral Marketing ได้อย่างไร หาคำตอบได้ในสรุปหนังสือ Contagious ธรรมดาแต่ดังมาก ได้เลยครับ > https://www.summaread.net/marketing/%e0%b8%aa%e0%b8%a3%e0%b8%b8%e0%b8%9b%e0%b8%ab%e0%b8%99%e0%b8%b1%e0%b8%87%e0%b8%aa%e0%b8%b7%e0%b8%ad-contagious-jonah-berger/

20. The Brand Gap แบรนด์แก๊ป

สรุปหนังสือ BRAND GAP

ปิดท้ายหนังสือการตลาดแนะนำประจำปี 2021 กับ Brand Gap อ่านแล้วคุณจะเข้าใจแก่นของคำว่าแบรนด์ในแบบที่ไม่ซับซ้อนแต่ใช้งานได้จริงในทันที

The Brand Gap เป็นหนังสือด้านแบรนด์และการตลาดที่แม้จะผ่านมามากกว่าสิบปีแล้ว แต่แก่นของเนื้อหาก็ยังใหม่อยู่เสมอ

แบรนด์ คำที่ใครๆก็รู้จักแต่จะมีซักกี่คนที่ “เข้าใจ” ถึงความหมายจริงๆของคำง่ายๆคำนี้กันแน่ แม้จะผ่านการทำงานมาหลายปีแต่หนังสือเล่มนี้ก็ทำให้ผมเข้าใจคำว่า “แบรนด์” ได้ชัดและใหม่ขึ้นอีกครั้ง

แบรนด์ ไม่ใช่ Logo ไม่ใช่ Slogan ไม่ใช่ Tagline แต่เป็น “ความรู้สึก” ที่คนมีแต่สินค้า บริการ หรือบริษัทของเรา

การสร้าง Brand ไม่ใช่การเที่ยวเร่แปะ Logo หรือชื่อยี่ห้อไปทั่ว แต่คือการ “สร้างความสัมพันธ์” “การสื่อสาร” ออกไปสู่ทุกคน ทุกช่องทาง

ดังนั้นไม่ว่าจะเป็น Website สินค้า Package งานอีเวนท์ การโฆษณา และอื่นๆทั้งหมดทุกอย่าง ควรมีจุดมุ่งหมายเดียวกันคือ “สร้างทัศนคติที่ดี” ต่อลูกค้า หรือที่ดีไปกว่านั้นคือการทำคนรู้สึกดีตั้งแต่ก่อนที่จะเป็นลูกค้าให้ได้

อีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญที่นักการตลาด หรือนักโฆษณามักมองข้ามก็คือ Package หรือหีบห่อบรรจุภัณฑ์ แค่ทำๆให้มันเสร็จไป หรือไม่ก็ยัดข้อความทุกอย่างที่อยากพูดโดยไม่สนใจคนดูหรือคนฟัง ทั้งที่ความจริงแล้ว Package นั้นสำคัญมากต่อการสร้างแบรนด์ไม่แพ้หนังโฆษณาดีๆ หรือแคมเปญว้าวๆเลย

เพราะ Package เป็นด่านแรกที่ทำให้คนสนใจ ในกรณีที่เดินไปเจอที่ร้านค้าโดยยังไม่เคยเห็นโฆษณามาก่อน หรือเป็นด่านสุดท้ายที่จะตัดสินใจ หลังจากเห็นโฆษณาที่ทำให้สนใจได้มาแล้ว ดังนั้นควร “ใส่ใจ” กับ Package ให้ไม่น้อยไปกว่าการทำหนังโฆษณาหรือแคมเปญดีๆซักชิ้นเลย

ถ้าอยากรู้ว่า Brand ของคุณยังมี Gap อยู่ตรงไหน หาคำตอบได้ในหนังสือเล่มนี้ครับ > https://www.summaread.net/branding/%e0%b8%aa%e0%b8%a3%e0%b8%b8%e0%b8%9b%e0%b8%ab%e0%b8%99%e0%b8%b1%e0%b8%87%e0%b8%aa%e0%b8%b7%e0%b8%ad-brand-gap/

และทั้งหมดนี้ก็เป็นหนังสือการตลาดที่อยากแนะนำให้เพื่อนๆ ได้อ่านกันในปี 2021 หลายเล่มแม้จะเก่าแล้วแต่แก่นยังคงสดใหม่ไม่ได้เก่าไปตามกาลเวลา ส่วนหนังสือการตลาด 10 เล่มแรกที่ผมแนะนำไว้ให้อ่านมีอะไรบ้าง ย้อนกลับไปอ่านตามลิงก์นี้ได้เลยครับ > https://www.everydaymarketing.co/knowledge/20-marketing-books-recommendation-for-marketing-sme-and-entrepreneur/

20 หนังสือการตลาดแนะนำรับปี 2021 ที่นักการตลาดต้องอ่าน และ SME ต้องรู้

ส่วนใครมีหนังสือดีๆ ช่วยแนะนำกลับมาที่เพจการตลาดวันละตอนด้วยนะครับ ^^

Nattapon Muangtum

เจ้าของเพจการตลาดวันละตอน / อาจารย์พิเศษวิชา Data-Driven Communication / เขียนหนังสือมาแล้ว 5 เล่ม Personalized Marketing, Data-Driven Marketing, Data Thinking, Contextual Marketing และ Social Listening / ที่ปรึกษา Data-Driven Advisor

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *