เมื่อพูดถึงร้านอาหารในเครือโรงแรม Marriott International ภาพจำในหัวของเราแน่นอนว่า ต้องเป็นอะไรที่คนธรรมดาเข้าไม่ถึง มันดูหรูหราไฮโซ แต่ถ้าถามว่าอยากไปลอง ไปชิมไหม คำตอบก็ชัด เพราะใครๆ ก็ต้องอยากไปลองชิมอาหารมื้อพิเศษกันทั้งนั้นใช่ไหมคะ แต่สิ่งที่ยังกังวลเราคือ เรามี Limit ในการจ่าย และเราไม่รู้เลยว่าถ้าเราเข้าไปสั่งอะไรพลาดไป ราคาจะพุ่งไปอยู่ที่กี่บาทกันแน่ แต่ตอนนี้ Marriott เค้าได้ทำ brand
ช่วง COVID19 ที่ผ่าน เราจะเห็นผู้ให้บริการส่งอาหาร Delivery หลายๆ เจ้าโตขึ้นไปพร้อมๆ กับการแจ้งเก็บค่า GP ที่เพิ่มขึ้นจนเป็นประเด็นดราม่าไปในหลายๆ Social แต่วันนี้การตลาดวันละตอนได้มีโอกาสคุยกับ Hungry Hub บริการจองร้านอาหารชั้นนำในประเทศไทยจนพบ Food Delivery Data Insight น่าสนใจว่า ลูกค้าที่ใช้ Hungry Hub ส่วนใหญ่เนี่ยกลับเป็นกลุ่มที่ไม่ Sensitive กับราคา หรือพูดอีกแง่ก็คือเงินไม่ใช่ปัญหาของลูกค้าบนแพลตฟอร์มนี้เลยค่ะ Hungry Hub คืออะไร?
ในช่วงวิกฤต COVID-19 แบบนี้ทำให้คนเมืองส่วนใหญ่หันมาพึ่งพาบริการ Food Delivery กันมหาศาล แต่ในขณะเดียวกันก็กลายเป็นว่าบรรดาร้านอาหารส่วนใหญ่โดยเฉพาะร้านเล็กๆ ที่เป็น Local กลับถูกเก็บส่วนแบ่งจากยอดขายหรือค่า GP ที่สูงลิ่วซึ่งมีตั้งแต่ 25-35% แล้วยัง +7%
ในช่วงการแพร่ระบาดของโรค Covid-19 ที่ผ่านมานั้นทำให้ชีวิตการทำงานและความเป็นอยู่ของผู้คนเปลี่ยนไป จนทำให้เกิดเทรนด์ใหม่ๆ ขึ้นมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Staycation เทรนด์การท่องเที่ยวแบบไม่ไกลบ้าน หรือเที่ยวอยู่ ในจังหวัดของตัวเอง กับ Workcation ที่ผสานการทำงานและพักผ่อนเข้าด้วยกัน ล่าสุดมีอีกหนึ่งเทรนด์ที่มาแรงไม่แพ้กันในช่วงนี้ นั่นก็คือ
สรุปเทรนด์เมนูอาหารอะไรที่คนไทยชอบสั่งผ่านแอป Food Delivery อย่าง LINE MAN มากที่สุดในปีที่ผ่านมา ปฎิเสธไม่ได้ว่าตอนนี้แม้แต่สมาร์ทโฟนของคุณพ่อกับคุณแม่หลายๆ คนคงมี Food Delivery Apps กันบ้างแล้วใช่ไหมล่ะคะ นักการตลาดที่อยู่ในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มหลายคน คงเริ่มปรับตัวมาอยู่ในแพลตฟอร์มนี้กันแล้วตั้งแต่
#การตลาดวันละโพล ขอหนึ่งคำถามก่อนอ่านการตลาดวันละตอน แล้วเราจะเอาไปทำเป็น Infographic โชว์หน้าเพจให้รู้ด้วยกัน